หนุ่มไรเดอร์ร้องสื่อถูกรถกระบะชนแล้วหนีผ่านมาเกือบเดือนหวั่นคดีไม่คืบ ย่านพระราม 3
วันที่ 6 เมษายน 2565
เวลา 12.50 น.
นาย ภารินทร์ ดีหมัด อาย 46 ปี พร้อม นางสาว สุกัญญา ศรีโชติ อายุ 34 ปี ทั้งสองเป็นสามีภรรยากันประกอบอาชีพไรเดอร์ ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักเนื่องจากเมื่อ วันที่ 18 มีนาคม 2565 เวลา 12 .35 น. เมื่อนาย ภารินทร์ ผู้เป็นสามีถูกรถกระบะ เฉี่ยวชนแล้วหลบหนีบริเวณปากซอยพระรามที่ 3 ซอย 5 แขวง วัดพระยาไกร เขต บางคอแหลม กรุงเทพมหานคร และรถจักรยานยนต์ที่ต้องใช้ประกอบอาชีพทำมาหากินต้องเสียหายแล้วร่างกายยังได้รับบาดเจ็บ จึงได้ทำการแจ้งความเอาไว้แล้วที่ สน.วัดพระยาไกร ในวันและเวลาดังกล่าว แล้วยังได้ไปติดตามของภาพจากกล้องวงจรปิดที่สำนักงานเขตบางคอแหลม แล้วนำมามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจะได้ง่ายและสะดวกต่อการติดตามผู้ก่อเหตุรายนี้มาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและมารับผิดชอบค่าซ่อมรถของตนให้ได้ภายในเร็ววัน ซึ่งในภาพกล้องวงจรปิดจะเห็นรถกระบะของผู้ก่อเหตุได้อย่างชัดเจนเป็นรถกระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น SLX 2.5 สีน้ำเงิน ทะเบียน 1 ฒฒ 2683 กรุงเทพมหานคร เป็นรถกระบะบรรทุก ( มีหลังคา ) ทั้งนี้จึงอยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามผู้ก่อเหตุดังกล่าวให้ได้ในเร็ววันเพราะตนได้รับความเดือดร้อนมาก แล้วเป็นคนหาเช้ากินค่ำ มีรายได้น้อยต้องเลี้ยงดูลูกเล็กอีกถึง 6 คน แล้วเวลาก็ผ่านมานานจนเกือบจะถึง 1 เดือนแล้วด้วย
จากการสอบถามนาย ภารินทร์ ดีหมัด อายุ 46 ปี บอกว่า ตนขับรถมาตามเลนปกติ กำลังจะไปรับอาหาร ก็มีรถกระบะขับมาเลน 2 พอมาถึงตนก็เบี่ยงเข้ามาเบียดตนจนล้มและก็เร่งเครื่องไปเลย โดยไม่ใยดีหรือลงมาดูตนเลย ตอนนั้นตนล้มด็มองไปเห็นเป็นรถกระบะ ข้างหลังก็มีคนนั่งอยู่นะ ตนก็ได้รับบาดเจ็บ แต่ตนมีออเดอร์ต้องไปรับอาหารส่งให้ลูกค้า ตนจึงฝืนพยุงตนเองและรถไปทำงานต่อ และตนเป็นหัวหน้าครอบครัวจึงไม่ได้ไปหาหมอ เพราะตนคิดว่าถ้าตนหาหมอ ต้องนอนโรงพยาบาล ต้องหยุดงาน แล้วรายได้ตนก็ไม่มี ตนต้องหาเงินเลี้ยงดูลูกๆตนหลายคน แล้วอยู่ในวัยที่ต้องกินนม ตนต้องหาเงินเข้าบ้านวันละเกือบ 700 บาท เป็นค่านมค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ตอนแรกตนมาแจ้งความไว้ ตนก็ไปขอภาพกล้องวงจรปิด ที่สำนักงานเขตบางคอแหลม ซึ่งมองเห็นภาพเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุได้อย่างชัดเจนว่ารถกระบะได้ขับมาทางเลนซ้ายและเบียดรถตนจนล้มลงและข้บต่อไปโดยไม่จอดลงมาดูตนเลย ตนได้เอาภาพหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแต่ทางเจ้าหน้าที่มองว่า ไม่ชัดเจน ให้ไปหาโหลดใส่แฟลตไดร์มาส่งให้อีกครั้ง ตนก็ต้องขับรถไปหาเพื่อนที่บางแคเพื่อทำการโหลดคลิปให้ ตนก็ต้องแบ่งเงินเพื่อซื้อแฟลตไดร์ไปอีก พอมาส่งให้เจ้าหน้าที่กลับบอกว่า ไม่ชัดเจนให้ไปทำใหม่ ใสในมือถืออีก แล้วทางเจ้าหน้าที่ก็ยอกว่าจะติดต่อกลับมาหาตนเอง จนตนคิดว่า ขับไปขับมาไม่ได้เรื่องแน่ ตนจึงไม่ได้ไปหาใส่ในมือถือในครั้งนั้น ตนจึงพักไว้ก่อน มาทำงานหาเงินค่านมลูกก่อน จนเวลาล่วงเลยมานาน ตนจึงหาทางร้องไปตามสื่อต่างๆ จนมาที่ สน.วัดพระยาไกรอีกครั้ง เพื่อติดตามถามเรื่องคดี
และหลังจาก ที่ตนได้พบกับร้อยเวรที่เข้ามารับเรื่องต่อในวันนี้ตนรู้สึกดีใจที่ทางร้อยเวรท่านนี้รับเรื่องไปดำเนินการต่อให้ ตรวจสอบดูจากในกล้องวงจรปิดแล้ว รถกระบะเป็นฝ่ายเบียดเข้ามาทางรถจักรยานยนต์จริง
ส่วนทางภรรยาชื่อ น.ส.สุกัญญา ศรีโชติ อายุ 34 ปี บอกต่อว่า แฟนตนโดนชนแล้วหนีแบบนี้ ทางครอบครัวตนก็ได้รับผลกระทบ เพราะแฟนตนเป็นเสาหลักของบ้าน มีภาระต้องเลี้ยงดูลูกๆ หลายคน วัยไล่ๆกัน คนเล็กอายุ 5 เดือน ต้องมีค่านม ไหนจะค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายในบ้านอีก บาดเจ็บตัองหาซื้อยา ตนก็ต้องทำแผลให้ทุกวัน ส่วนรถก็ได้รับความเสียหาย รถพัง ก็ประคับประคอง ให้พอขับได้ เพราะต้องใช้ทำงานทุกวัน ตอนนี้ก็ติดขัดตรงแผงคอ เพราะคอเบี้ยว เวลาขับต้องคอยขืนๆเอา ไปถามร่านซ่อม ก็หลายตังอยู่ แล้วต้องทิ้งรถไว้อีกเป็นอาทิตย์ ที่ต้องมาตามคดีเพราะอยากให้คนที่ชนในวันนั้น มารับผิดชอบบ้าง เป็นค่าซ่อมรถก็ยังดี
เบื้องต้น พ.ต.อ. ธงชัย บัวรังษี ผู้กำกับ สน.วัดพระยาไกร ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์ดังกล่าวเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้มอบหมายให้ ร.ต.อ. ประกอบ สุวรรณสุโข รอง ( สว. ) สอบสวน ให้ตรวจสอบและติดตามผู้ก่อเหตุดังกล่าวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สน. และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.