ข้าราชการไทยข่าวทั่วไปข่าวพาดหัวช่วยชาวบ้านเพลิงไหม้แถลงข่าว

กรุงเทพฯ-สลด หนุ่มใหญ่วัย 49 ปี เครียดจัดบ้านไฟไหม้ โรคหัวใจกำเริบช๊อคดับหน้าบ้านตนเอง

สลด หนุ่มใหญ่วัย 49 ปี เครียดจัดบ้านไฟไหม้ โรคหัวใจกำเริบช๊อคดับหน้าบ้านตนเอง

วันที่ 9 เมษายน 2565
เวลา 17.30 น.

ร้อยตำรวจเอก อธิคม แสวงจิตต์ รอง สว. ( สอบสวน ) สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งมีผู้ป่วยหมดสติภายในสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อวานนี้ ( วันที่ 8 เมษายน 2565 ) จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสาสมัครมาถึงจุดเกิดเหตุอยู่ตรงบริเวณทางเข้าชุมชนหลังวัดสารอด ซอย สุขสวัสดิ์ 38 ถนน สุขสวัสดิ์ แขวง บางประกอก เขต ราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร พบร่างผู้ป่วยหมดสติเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมาชื่อนาย ทองสุข บุ้งทอง อายุ 49 ปี นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นถนนหน้าทางเข้าชุมชนหลังวัดสารอด จึงทำการตรวจวัดสัญญาณชีพแล้วพบว่าไม่มีชีพจรแล้ว จึงทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการทำ CPR ทันที พร้อมทั้งประสานหน่วยกู้ชีพการแพทย์ฉุกเฉินในระบบเอราวัณ ทันที

เมื่อเจ้าหน้าที่จากหน่วยกู้ชีพในระบบเอราวัณมาถึงที่เกิดเหตุจึงรีบรุดจัดอุปกรณ์พื้นคืนชีพ และเร่งต่ออุปกรณ์เพื่อช่วยกระตุ้นการเต้นของหัวใจ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาอยู่นานถึง 35 นาที ใช้ความพยายามที่จะช่วยชีวิตผู้ป่วยรายนี้อย่างเต็มกำลังและความสามารถแล้วแต่ไม่เป็นผลผู้ป่วยได้เสียชีวิตภายในเวลาต่อมา

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานต่อทางแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราชให้มาตรวจสอบสภาพศพผู้เสียชีวิตภายในที่เกิดเหตุ และดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

จากการสอบถาม
นางสาว ฐิติมา บุ้งทอง อายุ 24 ปี เป็นลูกสาวของผู้เสียชีวิต บอกว่า พ่อกับแม่ออกมาดูบ้านที่เกิดเหตุ แล้วพ่อก้มจะหยิบอะไรนี่แหละ แล้วก็ล้มฟุบลงไป แม่บอกว่า ดีที่จับไว้ทัน ไม่งั้นหัวจะไปฟาดโดนอะไร แล้วก็เรียกให้คนมาช่วยพาออกมาจากซากบ้านที่ถูกไฟไหม้ พ่อก็ไม่ได้สติแล้ว เค้าก็ช่วยกันปั๊มหัวใจ พ่อมีโรคประจำตัวเป็นกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง ไม่ได้ทำงานมา 2 ปีแล้ว รักษาโดยการกินยา แล้วยาประจำตัวเค้าไม่ได้เอาออกมาจากบ้าน เลยไม่ได้กินยาที่ต้องกินเป็นประจำ ก่อนที่พ่อจะออกมา พ่อบอกว่า ให้ตนกับน้องรออยู่ที่บ้านน้า จะกลับไปกินข้าวด้วย ขอมาดูบ้านก่อน แล้ว แม่ก็บอกว่าตอนก่อนพ่อจะล้มไป พ่อบอกว่า ไม่เหลืออะไรแล้ว หลังจากนั่นพ่อก็ล้มลงไปเลย

ส่วนทาง
นาง เกลี้ยง สิงโค อายุ 61 ปี เป็นน้าสาวของผู้เสียชีวิต บอกว่า ตนพักอยู่ที่ประชาอุทิศ ซอย 4 ส่วนครอบครัวของหลานชายเช่าบ้านอยู่ที่นี่ พอรู้ว่าบ้านหลานไฟไหม้ ตนก็โทรติดต่อ ก็ไม่ติด ตนจึงมาหา ก็ถึงได้รู้ว่า โทรศัพท์ก็อยู่ในบ้าน ไฟไหม้หมด ตนให้ไปพักที่บ้านตนก็ไม่ยอม ห่วงบ้าน จะอยู่ตรงนี้ เมื่อก่อนหลานชายตนทำงานโรงเหล็ก แล้วเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง ก็ไม่ได้ทำงาน มาช่วยตนขายลูกชิ้นบ้าง จะกี้นี้ลูกเค้าโทรมาบอกว่าเสียแล้ว ตนจึงรีบมา ตนก็ว่าจะฝากผีฝากไข้ เพราะเห็นอายุยังนัอย มาจากไปซะก่อนอีก ที่นี่ทางบ้านพ่อเค้าอยู่ที่กำแพงเพชรว่าจะพาเค้ากลับบ้าน ญาติๆเค้าอยากให้กลับไปที่บ้าน

เบื้องต้นจากการสอบถามทางญาติ และ ชาวบ้านผู้ที่เห็นเหตุการณ์ต่างบอกเล่าในทำนองเดียวกันว่าผู้ตายได้มาที่บ้านของตนเองที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อวานนี้ในอาการเศร้าโศก และมาพร้อมกับภรรยาของตน เพื่อจะมาคุ้ยหาทรัพย์สินของตนในกองเถ้าถ่านบริเวณบ้านของตนเองเพื่อจะพบสิ่งของที่อาจจะยังหลงเหลืออยู่บ้าง แต่เมื่อกำลังคุ้ยเขี่ยกองเถ้าถ่านอยู่นั้นก็ได้เกิดหมดสติและล้มลงนอนกองอยู่กับพื้นชาวบ้านต่างก็พากันช่วยนำร่างผู้ตายออกมาด้านนอกและแจ้งอาสาสมัครให้มาช่วยเหลือทันที คาดว่าสาเหตุที่ผู้ตายมาเสียชีวิตตรงนี้อาจจะเป็นเพราะยังทำใจกับเรื่องราวที่บ้านตนเองถูกไฟไหม้ยังไม่ได้แล้วก็เลยเกิดความเครียดมากจนทำให้โรคประจำตัวซึ่งผู้ตายเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงอยู่ก่อนแล้วกำเริบขึ้นมา แล้วยาที่ผู้ตายต้องกินอยู่ทุกวันก็โดนไฟไหม้ไปหมดแล้วจึงไม่มียาที่จะกินเพื่อระงับอาการเจ็บป่วยของตนได้ก็เลยอาจจะเป็นเหตุให้เสียชีวิตก็เป็นได้

จากการตรวจสอบสภาพร่างกายของผู้ตายแล้วไม่พบบาดแผลจากการถูกทำร้าย และญาติก็ไม่ได้ติดใจในสาเหตุของการเสียชีวิต แพทย์นิติเวช และเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงความเห็นมอบให้ญาตินำศพผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป ส่วนทางญาติจะนำกลับไปทำพิธีกรรมทางศาสนาที่บ้านเกิดในจังหวัดกำแพงเพชรเพราะญาติพี่น้องอยู่ที่จังหวัดดังกล่าว

โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.