ข่าวทั่วไปข่าวพาดหัวแถลงข่าว

ชลบุรี-คืบหน้า บุกเดี่ยวควงปืนบุกจี้ข่มขู่ปลดทรัพย์นับแสนบาท กรณีชายวัย 37 ปี บุกจี้ร้านค้า

คืบหน้า บุกเดี่ยวควงปืนบุกจี้ข่มขู่ปลดทรัพย์นับแสนบาท
กรณีชายวัย 37 ปี บุกจี้ร้านค้า ป้าเผยเป็นหลานตัวเองจริง คาดแค้นที่เมียบอกกลับบ้านแต่ไปมีชายอื่นถ่ายรูปมาเย้ย จึงมาก่อเหตุเพื่อหาเงินไปบ้านเมีย หวั่นไปทำอันตรายเมียและสามีใหม่ เพราะเจ้าตัวมาหา 2 วันที่แล้ว บ่นสุดแค้นเมียมากที่ทำแบบนี้
โดยภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพคนร้ายสวมเสื้อเชิ้ตสีดำกางเกงขายาวขี่รถ จยย.สีขาว สรวมหมวกกันน๊อกแบบเต็มใบเข้ามาจอดบริเวณหน้าร้านของชำเลขที่ 68 หมู่ 5 ต.เหมือง อ.เมือง จ.ชลบุรี จากนั้นคนร้ายได้ถือปืนสีดำ เดินเข้าไปในร้านตรงจุดที่เจ้าของร้านนั่งกินข้าวกันอยู่ ในภาพจะเห็นว่าคนร้ายถือปืนขู่ให้ทางเจ้าของร้านถอดสร้อยคอทองคำให้ ก่อนที่จะรีบวิ่งไปขี่ รถ จยย.หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว


ต่อมาเวลา 17.50 น.วันที่ 6 พ.ค.65 ร.ต.อ.อภิรัชฏ์ อดิเรกพูลลาภ รอง สว.(สอบสวน)สภ.แสนสุข ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายควงปืนบุกปล้นร้านค้าของชำ เลขที่ 68 หมู่ 5 ต.เหมือง อ.เมือง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งรีบรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบนางสาวรสริน แพงไธสงค์ อายุ 43 ปี เจ้าของร้านและ นางสาวสุปรียา วัดเขียน อายุ 21 ปี ลูกสาวยืนอยู่ในร้านด้วยความตกใจ
ล่าสุดวันนี้ 7 พ.ค.65 เวลา 09.30 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังห้องเช่าที่ญาติของนายสุทธิสาร พิพิธกุล อายุ 37 ปี หรือนายนิลผู้ก่อเหตุเช่าอยู่ใกล้กันกับร้านค้าดังกล่าว ได้พบกับนางสำเนียก โพธิมา อายุ 65 ปี เป็นป้าสะไภ้ของนายนิล ที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ กับที่พัก
นางสำเนียก เล่าว่าปกติหลานชายมีงานทำอยู่กับเมียและพักอยู่แถวหนองข้างคอก อ.เมืองชลบุรี นานๆ จะมาหา ก่อนหน้านี้ได้ถูกจับคดีเสพยาเสพติด และตำรวจปล่อยตัวมาและไม่คอ่ยได้พบเจอกัน มารู้อีกที เมื่อ2 วันก่อน นายนิล ได้มาหาที่ห้องเช่าเพื่อยืมรถ จยย. เพื่อมาขอเงิน 20 บาท ตนก็ให้ไปและนายนิล ได้บ่นให้ฟังว่าเมียได้กลับบ้านไปแล้วที่ จ.ร้อยเอ็ด แถมไปมีสามีใหม่และถ่ายรูปมาเยาะเย้ย นายนิล ได้บ่นให้ฟังว่าแค้นมาก ตนกลัวว่าหลานจะคิดไม่ดีเพราะมีปืน ส่วนสาเหตุที่มาเพราะต้องการหาเงินกลับไปบ้านเมีย เพื่อไปทำอันตรายเมียและสามีใหม่ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นตนยังรู้สึกตกใจอยู่ เพราะทางร้านค้าเองก็ได้ช่วยเหลือมาโดยตลอดไม่มีอะไรก็ไปขอไปเซ็นมากินได้ เงินไม่พอใช้ไปยืมเขาก็ให้ ตนได้เห็นคลิปตอนเดินเข้าไปจี้เจ้าของร้านถึงจะไม่เห็นหน้าตาตนก็จำท่าทางและการเดินของหลานได้เพราะตนเลี้ยงมาเหมือนกัน ตอนนี้ที่เป็นห่วงคือกลัวหลานจะไปทำเรื่องไม่ดีมากกว่า เพราะความแค้นเมียตนจึงอยากใหัหลานกลับมารับโทษที่ทำ และเอาของมาคืนทำอะไรไว้ก็กลับมารับโทษ จะทำให้โทษหนักกลายเป็นเบาได้ ถึงไปทำอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ไม่เป็นผลดีมีแต่ผลเสียตามมา จึงอยากให้มามอบตัวเสียจะดีกว่า

ภาพ/ข่าว นิราช/นันฐพล/พิชญ์ฐญา ทิพย์ศรี
พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก