อุกอาจ!ลูกน้องผู้ใหญ่บ้านชายแดน พกอาวุธปืนขนแรงงานเถื่อน 24 ราย ถูกเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครองล้อมจับได้ทันควัน
วันที่ 9 พ.ค.65 เวลา 04.00 น.นายธนนท์ พรรพีภาส นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ นายชัยวุฒิ คุณาธิมาพันธุ์ รักษาการป้องกันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นายณัฐวุฒิ จันทร์แก้ว ปลัดอำเภอเมืองประจวบฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน(อส.) พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วย และเจ้าหน้าที่ ชรบ.หมู่ 5 หมู่ 6 หมู่ 14 ร่วมกับทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ สกัดจับรถยนต์กระบะขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย บริเวณบนถนนสายบ้านหนองยายเอม-บ้านหนองเป็นหงส์ เขาดิน หมู่ 11 ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบฯ ห่างจากช่องทางสิงขรไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 10 กม. โดยพบเป็นรถยนต์กระบะตอนครึ่ง ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็ก สีบอร์นทอง หมายเลขทะเบียน ผข 3301 สุพรรณบุรี โดยมี นายสมพร อ่อนจิต อายุ 33 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 9 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นคนขับรถนำพาหลบหนี
จากการตรวจสอบพบชาวเมียนมาจำนวน 24 คน แบ่งเป็นชาย 15 คน หญิง 9 คน นั่งเบียดเสียดกันแน่นมาภายในรถและกระบะท้ายรถ โดยมีการนำผ้ายางมาคลุมเพื่อปกปิดอำพราง และนายวิน ชุบ สัญชาติชาวเมียนที่เป็นผู้นำพา 1 คน ตรวจค้นภายในรถพบอาวุธปืนพกสั้น ชนิดลูกโม่ ขนาด.32 ยี่ห้อ RUBY หมายเลขประจำปืน 669530 หมายเลขทะเบียนเลือนลาง จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ (ปืนอัดลม) จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด .32 บรรจุอยู่ในลูกโม่ จำนวน 6 นัด ใส่อยู่ในกระเป๋าผ้าสีน้ำเงิน จำนวน 9 นัด รวมเครื่องกระสุนปืนทั้งสิ้นจำนวน 15 นัด เครื่องกระสุนปืน (ลูกเหล็ก ขนาด 8 มม.) จำนวน 73 นัด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส กล่องพลาสติกสำหรับใส่อาวุธปืนสีดำ จำนวน 1 กล่อง โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ itel Vision 2s รุ่น itel P651L หมายเลขโทรศัพท์ 080 8009961 โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ wiko รุ่น Sunny 5 Lite หมายเลขโทรศัพท์ 063 0320013 จึงได้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้ต้องหาทั้งหมดเบื้องต้นตามมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ไม่พบอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส
จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางอาวุธปืนและรถยนต์ยานพาหนะส่ง สภ.อ่าวน้อย โดยกล่าวหาว่า : ผู้ต้องหาที่ 1 ร่วมกันซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควร ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 (ชาวเมียนมาผู้นำพา) ร่วมกันซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม ส่วนผู้ต้องหาที่ 3-25 เป็นชาวเมียนมาอีก 23 คน แจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย หลังจากนี้จะได้นำตัวบุคคลต่างด้าวทั้งหมดไปกักตัวดูอาการตามมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ที่สถานกักกัน ณ สนามกีฬาบ้านห้วยใหญ่ หมู่ 5 ตำบลคลองวาฬต่อไป
จากการสอบสวนแรงงานต่างด้าวเบื้องต้นทราบว่าผู้หลบหนีเข้าเมืองทั้งหมด เดินทางมาจาก รัฐยะไข่ ก่อนจะข้ามแดนมาฝั่งไทยทั้งได้ พักคอยอยู่ที่บ้านมูด่อง ประเทศเพื่อนบ้าน จากนั้นก็มีผู้นำพาเป็นชาวเมียนมานำเดินลัดเลาะป่าข้ามเข้ามาฝั่งไทยและให้ทั้งหมดรออยู่ในป่า รอจนกว่าจะมีรถยนต์เข้ามารับตามที่มีการนัดแนะกันไว้ เมื่อถึงเวลาก็มีรถยนต์วิ่งเข้ามารับเพื่อไปทำงานในเมืองชั้นใน จุดหมายปลายทาง กรุงเทพฯ สมุทรสาคร ชุมพร สงขลาโดยทั้งหมดต้องจ่ายค่าจ้างให้กับผู้นำพาชาวเมียนมา คนละ20,000-25,000 บาท จะจ่ายให้แรงงานทั้งหมดถึงปลายทาง
มีรายงานจากแหล่งข่าวระบุว่า นายสมพร อ่อนจิต อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถนำพาชาวเมียนมาหลบหนี เป็นลูกน้องของผู้ใหญ่บ้าน ชายแดนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีอาชีพรับจ้างทำไร่สับปะรด และสวนยางพาราตามแนวชายแดน คาดว่ามีการแอบนายจ้างทำมานานแล้ว เนื่องจากเป็นคนในพื้นที่ และคุ้นเคยเส้นทางตามแนวชายแดนเป็นอย่างดี จึงได้มีอาวุธปืนไว้ป้องกันตัว ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานสกัดกั้นตามแนวชายแดน จึงจำเป็นต้องมีอาวุธปืนไว้ใช้ปฏิบัติงานตามหลักยุทธวิธี เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเช่นกัน “แหล่งข่าวระบุ”///////
พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร 099 339 6444