ข่าวทั่วไป

ศาลอาญาคดีทุจริตฯนัดสอบคำให้การ“ชัยวัฒน์”กับพวก 26 ก.ย.ก่อนให้ประกันคนละ 8 เเสน คดีอุ้มฆ่า “บิลลี่” หลังถูกอัยการยื่นฟ้อง 

 

ศาลอาญาคดีทุจริตฯนัดสอบคำให้การ“ชัยวัฒน์”กับพวก 26 ก.ย.ก่อนให้ประกันคนละ 8 เเสน คดีอุ้มฆ่า “บิลลี่” หลังถูกอัยการยื่นฟ้อง

 

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 65 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ

พนักงานอัยการฝ่ายยคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี นายบุญแทน บุษราคำ, นายธนเสฏฐ์ หรือ ไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิด ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใด ๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทาให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและร่วมกันเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 86, 91, 157, 289, มาตรา 309 และมาตรา 310 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฉบับที่ 21) พ.ศ. 2542 มาตรา 5 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว

จากกรณีการเสียชีวิตของ นายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชุมชนกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

 

นายชัยวัฒน์ เดินทางไปรายงานตัวกับพนักงานอัยการก่อนถูกคุมตัวมาฟ้องศาล โดยนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้มีความกังวลใจ และได้เตรียมเอกสารเพื่อนำมาประกันตัว ที่ผ่านมาได้ให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าความบริสุทธิ์ของตนเองว่าไม่ได้ทำอะไร และวันนี้เมื่อทุกอย่างมาถึงขั้นตอนของศาลแล้ว ตนเองรู้สึกโล่งใจมากกว่า และไม่ได้รู้สึกน้อยใจในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลย กลับรู้สึกขอบคุณเสียมากกว่า เพราะมันถึงเวลาแล้วที่ต้องทำแบบนี้ เพราะจะได้พิสูจน์ความจริงสักที รวมถึงประเด็นที่ว่า ตนเองเป็นผู้ลงมือสั่งการและเผาบ้าน ของ ปู่คออี้ และ มอแอะ ชาวบ้านบางกลอย จำนวน 2 หลัง แต่ท้ายที่สุดหลักฐานได้ชี้จัดว่า ปู่คออี้ และมอแอะ นั้นอยู่บ้านหลังเดียวกัน ซึ่งตนมองว่าที่ผ่านมาเป็นการสร้างหลักฐานเท็จ ให้การเท็จ และแจ้งเท็จ ซึ่งตนเองก็พิสูจน์แล้ว และอยากให้สังคมคอยติดตามดูความจริงคืออะไร และตนเองก็ยังไม่ฟ้องกลับบุคคลเหล่านั้นที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ดินชาวบ้านบางกลอยที่ยังพิพาทกันอยู่ตอนนี้

 

“ทางผู้ใหญ่และน้องๆทุกคนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ยืนยันไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และตนก็ทำงานในการปกป้องป่าตามปกติ รู้สึกเห็นใจลูกน้องที่ต้องมาพัวพันในคดี ซึ่งลูกน้องทุกคนรู้สึกท้อใจ เพราะพวกเขาไม่ได้ทำอะไร แต่กลับมาโดนคดี และมองว่าไม่ว่าใครที่อยู่ใกล้ชิดตนเองก็มักจะซวยตามไปด้วย” นายชัยวัฒน์กล่าว

 

ด้านนายพรชัย พฤกษ์พิชัยเลิศ ทนายความของนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนการต่อสู้คดีนั้นยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เพราะต้องดูฝั่งของทางอัยการในขั้นตอนการตรวจหลักฐานสืบพยานก่อน ว่ามีพยานหลักฐาน พยานบุคล หรือวัตถุพยานอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ได้เตรียมหลักทรัพย์เพื่อประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเงินสด คนละ1 ล้านบาท

 

 

จากการพิจารณาของศาล นานกว่า 4 ชั่วโมงศาลมีคำสั่งปรัทับฟ้องเป็นคดี พิจารณาให้ประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์ประกันตัว วงเงินคนละ 8 แสนบาท โดยมีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศและห้ามยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานทางคดี โดยไม่มีคำสั่งให้ออกจากราชการ

 

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดสอบคำให้การในวันที่ 26 กันยายน 2565 เวลา 9.30 น.

 

 

จากนั้น นายชัยวัฒน์ ได้ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนโดยได้ลงมาขอบคุณและบอกว่ารู้สึกโล่งใจที่ศาลให้ ประกันตัวและได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในครั้งนี้ ยอมรับว่าลดความกดดันได้ไปส่วนหนึ่ง และมองว่าเป็นการให้โอกาสตนเองได้ต่อสู้คดีซึ่งหลังจากนี้จะต้องว่าไปตามพยานและหลักฐาน และได้ขอขอบคุณกลุ่มทนายที่ช่วยเหลือเรื่องเงินประกันของทุกคน จากเงินกองทุนที่ตั้งขึ้นมาสำหรับคดีนี้ ซึ่งเงินทั้งหมดนั้นไม่ใช่เงินของตนเองและเงินของกระทรวง

 

ส่วนกรณีที่มีฝั่งชาวบ้าน กังวลว่าหาก นายชัยวัฒน์ได้รับการประกันตัวจะมีการคุกคามนั้น นายชัยวัฒน์ ได้ชี้แจงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า ตนเองต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกคุกคาม ทั้งจากสังคม และชาวบ้าน เพราะตนเองนั้นทำงานอยู่ในป่า ไม่ได้รับรู้ข่าวสารอะไร แต่กลับถูกสื่อและสังคม กล่าวหาว่าหนีคดี ว่าไปคุกคามชาวบ้าน อีกทั้ง ชาวบ้านยังใช้โอกาส ที่เป็นชนกลุ่มน้อย อ้างเรื่องสิทธิขึ้นมา ต่อว่าตนเองอีก ทั้งที่ผ่านมาตนไม่เคยจับกุมกลุ่มชาติพันธ์เลยสักคดีเดียว และจนถึงนาทีนี้ตนเองยังขอยืนยันถึงความบริสุทธิ์ ว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำในคดีการเสียชีวิตของบิลลี่

 

ส่วนการกลับเข้ารับราชการ ที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าก่อนหน้านี้ไม่มีเอกสารชี้แจงให้กลับไปทำงานนั้น ตนเองชี้แจงว่า เป็นไปตามมติของกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้ตนเองทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจราชการ หากจะมีการโยกย้ายไปจุดไหนขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บริหารกระทรวงฯ ส่วนหนังสือให้กลับเข้ารับราชการได้นำมายื่นต่อศาลแล้ว

 

โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.