ข่าวทั่วไป

นนทบุรี – สาวหล่อผวาถูกหนุ่มขี่ จยย.ใช้หินปาใส่รถป้ายแดงหน้าคลีนิกกลางดึกเป็นครั้งที่ 2 หวั่นไม่ปลอดภัยวอนตำรวจเร่งติดตามตัวคนก่อเหตุ

นนทบุรี สาวหล่อผวาถูกหนุ่มขี่ จยย.ใช้หินปาใส่รถป้ายแดงหน้าคลีนิกกลางดึกเป็นครั้งที่ 2 หวั่นไม่ปลอดภัยวอนตำรวจเร่งติดตามตัวคนก่อเหตุ

 

ผู้สื่อข่าวได้การรับติดต่อขอความช่วยเหลือจาก น.ส.เอ ( นามสมมุติ ) อายุ 51 ปี ว่าเมื่อช่วงเวลาประมาณตี 3 ของเช้ามืดวันที่ 7 ก.ย.65 ที่ผ่านมา ขณะตนกับ น.ส.บี แฟนสาวกำลังพักผ่อนอยู่ภายในอาคารพาณิชย์ขนาด 3 ชั้น ซึ่งเปิดเป็นคลีนิกรักษาสัตว์ ได้ถูกคนร้ายเป็นชายที่ทราบจากกล้องวงจรปิดภายหลัง ขับขี่รถ จยย.ยามาฮ่า N MAX สีน้ำเงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดที่หน้าร้าน ก่อนคนร้ายจะจอดรถ จยย.ลงมาที่รถยนต์มิสซูบิชิ เอ็กซ์เพนเดอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน พ 5757 ป้ายแดง ซึ่งเป็นรถของ น.ส.บี แฟนสาวตน จากนั้นคนร้ายซึ่งสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ได้ใช้ก้อนอิฐขนาดใหญ่ปาเข้าใส่กระจกท้ายรถยนต์ในระยะประชิด จนทำให้ไฟเบรคและกระจกรถด้านหลังแตกร้าวได้รับความเสียหายทั้งบาน จากนั้นคนร้ายจึงได้ขับขี่รถ จยย.หลบหนีไป

น.ส.เอ กล่าวเปิดเผยอีกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่คลีนิกรักษาสัตว์แห่งนี้ก็ได้ถูกคนร้ายใช้วัตถุบางอย่างขว้างปาใส่กระจกที่บริเวณชั้นลอยของร้านมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง โดยครั้งนั้นภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าร้านที่บันทึกรูปพรรณคนร้ายเอาไว้ในครั้งแรกนั้นเมื่อนำมาเทียบดูกับเหตุการณ์ในครั้งที่ 2 นี้ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน เพราะพบว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุเป็นคนคนเดียวกัน โดยหลังเกิดเหตุในครั้งแรกตนเองได้เดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปลายบาง จ.นนทบุรี เอาไว้ก่อนแล้ว ก็ไม่คิดว่าคนร้ายจะกล้ากับมาลงมือก่อเหตุเป็นครั้งที่ 2 เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาอีก ทำให้ น.ส.บีแฟนสาวของตนซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวต้องเดินทางเข้าแจ้งความเองในวันรุ่งขึ้น แต่ตนเกรงว่าจะถูกคนร้ายกลับมาก่อนเหตุซ้ำอีก จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งรัดและติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ให้ได้โดยไว เพราะตนกับแฟนสาวซึ่งพักอาศัยกันอยู่เพียงลำพังเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยจนทำให้คนร้ายได้ใจกลับมาก่อเหตุเป็นครั้งที่ 3 อีก

น.ส.เอ กล่าวยอมรับว่า ที่ผ่านมาเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ตนได้ไปหยิบยืมเงินจากคนรู้จักคนหนึ่งมาจำนวน 2 แสนบาท จากนั้นตนก็ทยอยผ่อนใช้หนี้ให้เป็นรายเดือน ๆ ละ 5 พันบาท จนกระทั่งใช้หนี้หมดไปแล้ว 1 แสนบาท ยังคงเหลือค้างอยู่อีก 1 แสนบาท ซึ่งตนก็พยายามส่งเงินใช้หนี้ต่อ แต่ปรากฎว่าอีก 1 แสนบาทที่เหลือถูกเจ้าหนี้ปฎิเสธที่จะให้ผ่อนคืน และสั่งให้ตนไปหาเงินต้นที่ค้างอยู่อีก 1 แสนมาคืนเป็นเงินก้อนให้หมด แต่ตนไม่สามารถหามาคืนได้เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจไม่ดี จึงไม่ได้ผ่อนชำระคืนเงินเป็นรายเดือนต่อเพราะไม่มีเงินก้อนไปคืน ทำให้ต่อมาที่คลีนิกเริ่มถูกโทรศัพท์ลึกลับโทรมาขู่มาป่วนเป็นประจำ จากนั้นก่อนที่จะเกิดเหตุครั้งแรกไม่นานได้มีชายวัยรุ่นที่ตนไม่รู้จักบุกมาทวงเงินที่คลีนิกโดยอ้างว่าเจ้าหนี้ให้มาทวงหนี้ แต่ตนไม่รู้จักกับชายคนดังกล่าวจึงปฎิเสธไป จนกระทั่งมาถูกคนร้ายเป็นชายขี่รถ จยย.มาขวางกระจกชั้นลอยจนแตกในครั้งแรกคือในคืนวันที่ 30 ส.ค.65 และก็มาเกิดเหตุซ้ำโดยคนร้ายคนเดิมขวางก้อนหินใส่กระจกท้ายรถจนแตกเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา

 

น.ส.เอ กล่าวอีกว่า ตนกับแฟนสาวไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแวงหรือมีปัญหาอะไรกับใครมาก่อน จะมีก็เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ถูกขู่ไว้ ซึ่งต่อมาเขาคงมาเห็นว่าตนกับแฟนสาวออกรถป้ายแดงมาขับ แต่ยังไม่ได้ใช้หนี้เขา จึงส่งคนมาทวงหนี้และข่มขู่ด้วยวิธีดังกล่าว เพื่อให้ตนกลัวและหาเงินก้อนมาใช้หนี้ แต่รถยนต์คันที่เสียหายไม่ใช่รถของตนเป็นรถของแฟนสาวที่เพิ่งเอารถคันเก่าไปเทิร์นดาวน์ออกมาไม่ใช่รถของตนเอง การที่เจ้าหนี้ส่งคนมาทวงเงินกับตนโดยใช้พฤติกรรมข่มขู่คุกคามแบบนี้ ตนจะไม่ยอมความอย่างแน่นอน โดยหลังเกิดเหตุตนได้โทรศัพท์ไปหาเขาเพื่อสอบถามแล้วว่าเป็นฝีมือของเขาใช่ไหม เขาก็ตอบกลับมาว่า “แล้วเธอเป็นหนี้ใครอยู่ล่ะ” ทำให้ตนมั่นใจว่าเป็นฝีมือของเจ้าหนี้รายหนี้อย่างแน่นอน