ข่าวพาดหัวจับกุมบุกรุกที่ป่าลักลอบทำผิดกฎหมาย

น่าน – สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ สนธิกำลังตรวจยึด รีสอร์ทดัง 2 แห่งบนดอยสกาด

สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ สนธิกำลังตรวจยึด รีสอร์ทดัง 2 แห่งบนดอยสกาด

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 เวลา 10.00 น.เจ้าหน้าที่สนธิกำลังของสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ โดยการอำนวยการสั่งการของนายจีระ ทรงพุฒิ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ นายชาตรี สัทธรรมนุวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ สจป.ที่ 3 สาขาแพร่ นำโดยนายพิษณุพันธุ์ วงค์ขันธ์ กับพวกนายลอย ใจจูน ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้น่าน เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้น่าน และชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ศูนย์ป่าไม้น่าน ร่วมด้วย เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ นน.1
(เฉลิมพระเกียรติ) นน.2 (ทุ่งช้าง) นน.3 (สองแคว) นน.4 (ท่าวังผา) นน.6(ปัว) และ นน.5 (เชียงกลาง) , นายเจษฎา เอนกคณา หัวหน้าชุดกับพวก เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ กรมป่าไม้ , เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอปัว จ.น่าน , เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. , เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปัว , เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 325 น่าน อ.เชียงกลาง , เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ,เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปทส. ประจำจังหวัดน่าน , นายหวน รกไพร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสกาด เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลสกาด , นายแม้น รกไพร กำนันตำบลสกาด อ.ปัว จ.น่าน และนางปราณปริยา อดุลย์ศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ตำบลสกาด ผู้นำชุมชนท้องที่ตำบลสกาด พร้อมทำการตรวจยึด พื้นที่ป่าไม้ถูกบุกรุกทำลาย จำนวน 1-1-00 ไร่ (ในพื้นที่มีสิ่งปลูกสร้าง ประกอบด้วย บ้านพักนักท่องเที่ยว จำนวน 7 หลัง ร้านอาหาร จำนวน 1 หลัง โรงเก็บของ จำนวน 1 หลัง

สำหรับค่าเสียหายตามมูลค่าทั้งหมดจะได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบทำการประเมิน สถานที่เกิดเหตุ บริเวณรีสอร์ทแห่งหนึ่ง (เคียงเขา ณ สกาด ) ปิดชื่อรีสอร์ทด้วยครับ) ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยภูคาและป่าผาแดง ท้องที่ป่าบ้านสกาดใต้ หมู่ที่ 3 ตำบลสกาด อำเภอปัว จังหวัดน่าน พิกัด UTM 47 Q 708475 E 2130600 N เมื่อนำค่าพิกัดดังกล่าวไปตรวจสอบเปรียบเทียบกับภาพถ่ายทางอากาศ (ดาวเทียม) ปี 2557 ปรากฏว่าพื้นที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยภูคาและป่าผาแดง ท้องที่หมู่ที่ 3 ตำบลสกาด อำเภอปัว จังหวัดน่าน ปรากฏว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวยังมีสภาพเป็นป่ายังไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่นใดอยู่ในแปลงที่ดิน จึงถือว่าเป็นการยึดถือครอบครองพื้นที่ป่ารายใหม่ (ปรากฏตามภาพถ่ายทางอากาศปี 2562

ตรวจยึดแปลงที่ 2 บริเวณรีสอร์ทแห่งที่ 2 (สกาด กม.8 ปิดชื่อรีเสอร์ทด้วยครับ) ท้องที่ป่าบ้านสกาด หมู่ที่ 3 ตำบลสกาด อำเภอปัว จังหวัดน่าน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยภูคาและป่าผาแดง พิกัด UTM 47 Q 708468 E 2120606 N เมื่อนำค่าพิกัดดังกล่าวไปตรวจสอบเปรียบเทียบกับภาพถ่ายทางอากาศ (ดาวเทียม) ปี 2557 ปรากฏว่าพื้นที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยภูคาและป่าผาแดง ท้องที่หมู่ที่ 3 ตำบลสกาด อำเภอปัว จังหวัดน่าน ปรากฏว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวยังมีสภาพเป็นป่ายังไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่นใดอยู่ในแปลงที่ดิน จึงถือว่าเป็นการยึดถือครอบครองพื้นที่ป่ารายใหม่ (ปรากฏตามภาพถ่ายทางอากาศปี 2562 โดยมี นายเค( นามสมมุติ ) เจ้าของรีเสอร์ท พร้อมทั้งมีความยินดีและยินยอมให้ความร่วมมือในการนำคณะเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบว่า สถานประกอบการรีสอร์ทแห่งที่ 2 (สกาด กม.8 ปิดชื่อรีเสอร์ทด้วยครับ) เริ่มประกอบกิจการ เมื่อปี พ.ศ. 2563 โดยเปิดเป็นสถานบริการนักท่องเที่ยว/ผู้เดินทาง เพื่อให้เช่าที่พัก/ร้านอาหาร ลักษณะเป็นโรงแรมเพื่อการพักผ่อน (รีสอร์ท) ตามนิยามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 มาตรา 4 โดยคิดค่าบริการ เป็นจำนวนเงิน 1,200 – 1,700 บาท/คน และค่าห้องพักคืนละ 2,400 – 3,400 บาท 2.ตรวจสอบพบสิ่งปลูกสร้างลักษณะถาวร โครงสร้างทำด้วยเหล็ก,ไม้ และคอนกรีต มีระบบการใช้น้ำประปาภูเขาและระบบไฟฟ้า 3 นายเค( นามสมมุติ ) เจ้าของรีเสอร์ท ได้ให้ถ้อยคำแก่เจ้าหน้าที่ในเบื้องต้นว่าพื้นที่ดินบริเวณที่ตนเองครอบครอง เจ้าของรีสอร์ท ได้มอบเอกสารให้คณะเจ้าหน้าที่เพื่อใช้ในการตรวจสอบ ในเบื้องต้น ได้ร่วมกันกล่าวโทษ นายเค (นามสมมุติ) หมู่ที่ 3 ตำบลสกาด อำเภอปัว จังหวัดน่าน ในฐานะเจ้าของสถานประกอบการและผู้ครอบครองพื้นที่พร้อมทำการตรวจยึด พื้นที่ป่าไม้ถูกบุกรุกทำลาย จำนวน 0 – 1 – 95 ไร่ คิดมูลค่าความเสียหายของรัฐเบื้องต้นในอัตราไร่ ละ 68,244.22 บาท เป็นเงินจำนวน 33,269.-บาท สำหรับค่าเสียหายตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากร
ธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายโดยละเอียดจะได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบทำการประเมิน และแจ้งเพิ่มเติมต่อไปโดยมี สิ่งปลูกสร้าง ประกอบด้วย บ้านพักนักท่องเที่ยว จำนวน 1 หลัง และระบบน้ำประปาพร้อมท่อกักเก็บน้ำคอนกรีต 4 ท่อ

โดยกล่าวหาว่ากระทำผิด 1.พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 -มาตรา 54 ประกอบมาตรา 72 ตรี ฐาน “ก่อสร้าง หรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”-มาตรา 55 ฐาน “ผู้ใดครอบครองป่าที่ได้ถูกแผ้วถางโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งมาตราก่อน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นเป็นผู้แผ้วถางป่านั้น”.พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 -มาตรา 14 ประกอบมาตรา 31 ฐาน “ยึดถือครอบครอง ทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” มาตรา 26/4 ผู้กระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทำลาย หรือเป็นเหตุให้เกิดการทำลาย หรือทำให้สูญหาย หรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผู้นั้น มีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น 3.ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 – มาตรา 9 มาตรา 108 ทวิ ฐาน “เข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่นสร้าง หรือเผาป่า ทำด้วยประการใดให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน
4.พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 – มาตรา 21 ฐาน ประกอบมาตรา 65 ฐาน “ก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการดำเนินการตามมาตรา 39 ทวิ” 5.พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 -มาตรา 15 ประกอบมาตรา 59 ฐาน “เปิดดำเนินกิจการโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต”
จึงเห็นว่าการกระทำของ เจ้าของ รีสอร์ทดังกล่าว เป็นการกระทำผิดตามข้อกล่าวหาดังกล่าวข้างต้น เจ้าหน้าที่จึงได้จัดทำบันทึกเรื่องราวพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปัว เพื่อสืบสวนหาตัวเจ้าของ รีสอร์ทดังกล่าว มาดำเนินคดีตามกฎหมาย และให้พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนในคดี ให้ผู้กระทำผิดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากบริเวณที่เกิดเหตุด้วย โดยมอบให้นายสมนึก เนียมศรี เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายมนตรี พลภักดี เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน ทำหน้าที่หัวหน้าหน่วย นน.6 (ปัว)เป็นพยาน สำหรับการประเมินเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งนั้น จะประเมินมูลค่าความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมบางประการหลังการทำลายป่าไม้” มาดำเนินการประเมินความเสียหายตามจริงตามพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายจริงต่อไปในชั้นสอบสวนหากพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนแล้วพบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดอื่น หรือมีการกระทำความผิดตามกฎหมายอื่น ๆ ให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้กระทำความผิดเพิ่มเติมในภายหลัง สืบเนื่องจากคำสั่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดน่าน ที่ 50/2565 ลงวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบบ้านพัก/รีสอร์ท พื้นที่บ้านสะปัน ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ และบ้านสกาด ตำบลสกาด อำเภอปัว จังหวัดน่าน ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ การก่อสร้างบ้านพัก/รีสอร์ท เพื่อบริการนักท่องเที่ยวในพื้นที่บ้านสะปัน ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ และบ้านสกาด ตำบลสกาด อำเภอปัว จังหวัดน่าน ในเรื่องการใช้ที่ดิน การปลูกสร้างอาคาร สิ่งปลูกสร้าง การบุกรุกลำน้ำตลอดจนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ประกอบการเป็นนายทุนมาจากนอกพื้นที่ และคำสั่งสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ ที่ 32/2565 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เรื่อง ให้เจ้าหน้าที่สนธิกำลังไปตรวจสอบบ้านพัก/รีสอร์ทพื้นที่บ้านสะปัน ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ และบ้านสกาด ตำบลสกาด อำเภอปัว จังหวัดน่าน โดยมี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2565 คณะเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริงในพื้นที่บ้านสกาด ตำบลสกาด อำเภอปัว จังหวัดน่าน พบว่ามีการกระทำผิดจริงดังกล่าว

พ.อ.พยอม บุญทร ข่าวน่าน 0932260055