ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด นำทีม! ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจประชาชน ตามจุดพักพิงแนวพนังกั้นน้ำชี อ.เชียงขวัญ-อ.จังหาร
วันอังคารที่ 18 ตุลาคม 2565 เวลา 15.00 น. นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ลงพื้นติดตามสถานการณ์อุกภัยในพื้นที่ พร้อมตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในอำเภอเชียงขวัญและอำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมในการลงพื้นที่ในครั้งนี้
โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้นำคณะเดินทางไปตามพนังกั้นลำน้ำชี ตั้งแต่ อ.เชียงขวัญ ถึงอ.จังหาร เพื่อลงเยี่ยมประชาชนตามจุดพักพิงชั่วคราวผู้ประสบอุทกภัยที่ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือดูแลคนในชุมชน จำนวน 5 จุด ได้แก่ จุดพักพิงบ้านแก่งขา ต.พระธาตุ อ.เชียงขวัญ จุดพักพิงบ้านไผ่ล้อม ต.เชียงขวัญ อ.เชียงขวัญ จุดพักพิงบ้านคุยขนวน ต.เชียงขวัญ อ.เชียงขวัญ จุดพักพิงบ้านคุยค้อ ต.ดินดำ อ.จังหาร และจุดพักพิงบ้านเริงทา ต.ดินดำ อ.จังหาร โดยได้พูดคุยให้กำลังใจแก่ประชาชน และกล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำอยู่ในสภาวะทรงตัว และมีแนวโน้มจะลดระดับลงในระยะอันใกล้นี้ ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้มอบไข่เป็ด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนตำบลช้างเผือก อำเภอสุวรรณภูมิ และน้ำดื่มสะอาด บรรจุแกลลอน แกลลอนขนาด 5 ลิตร จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนตามจุดพักพิงดังกล่าวข้างต้น
จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้เดินทางไปยังบ้านแซงแหลม ต.แสนชาติ อ.จังหาร เพื่อติดตามการป้องกันและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมของชุมชนบ้านแซงแหลม และให้กำลังใจประชาชนที่ร่วมกันบรรจุถุงทรายทำแนวกั้นน้ำชี พร้อมกล่าวชื่นชม ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.แสนชาติ และประชาชนบ้านแซงแหลม ที่ได้รวมพลังความสามัคคี และร่วมแรงร่วมใจกันในการป้องกันน้ำท่วมในชุมชนจนสำเร็จ มีการระดมคนช่วยทำแนวพนังกั้นน้ำชี จัดเวรยามตรวจตรา และวางแผนในการเผชิญเหตุ แผนการเฝ้าระวังและร่วมกันสอดส่องดูแล ติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า เมื่อประชาชนเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และทุกภาคส่วนก็ได้ร่วมด้วยช่วยกันเข้าไปให้ความช่วยเหลือ และที่สำคัญคือเป็นการเข้าไปสร้างขวัญและกำลังใจแก่พี่น้องประชาชน เพราะความเดือดร้อนของประชาชนรอไม่ได้ สิ่งไหนช่วยเหลือได้ก็เร่งให้การช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ซึ่งแม้สถานการณ์ในขณะนี้คาดว่าระดับน้ำจะอยู่ในสภาวะคงตัว แต่ก็ยังได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้หากสถานการณ์คลี่คลายแล้ว จะได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าสำรวจประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบทางราชการ ต่อไป