ยายวัย 71 ปี ใช้ชีวิตกลางสวนอยู่อย่างยากลำบาก ย่านพุทธบูชา
วันที่ 5 กันยายน 2563 เวลา 19.20 น.
ศูนย์วิทยุกู้ชีพบูรณะ ( โรงพยาบาลราษฎร์บูรณะ ) ได้รับแจ้งขอสนับสนุนกำลังพล นำผู้ป่วยติดเตียงวัย 71 ปี เข้าบ้านเนื่องจากกลับมาจากการตรวจรักษาอาการป่วยเส้นเลือดในสมองตีบทำให้มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงไม่สามารถเดินได้อย่างคนปกติทั่วไป
เมื่ออาสาสมัครหลายหน่วยงานได้ยินเสียงเรียกขานของศูนย์วิทยุกู้ชีพบูรณะ จึงจัดกำลังเร่งรุดไปสมทบที่เกิดเหตุทันที เมื่ออาสาสมัครไปถึงพบว่าบ้านของผู้ป่วยคนดังกล่าวนั้นอยู่ภายในซอยสุขสวัสดิ์ 30 แยกย่อยซอยที่ 10 บ้านเลขที่ 345/5 หมู่ 2 แขวง บางมด เขต ทุ่งครุ จังหวัด กรุงเทพมหานคร ซึ่งภายในซอยนี้จะเป็นซอยที่รถของอาสาสมัครกู้ภัยเข้าไปยากลำบากมากประกอบกับทางเข้านั้นเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทางและบางช่วงก็จะมีน้ำท่วมขังแล้วมีฝุ่นละอองค่อนข้างเยอะมากเหตุเพราะด้านในซอยจะเป็นทางเข้าของสถานที่ก่อสร้างของโครงการหมู่บ้านต่างๆ แล้วมีรถหนักวิ่งเข้าวิ่งออกอยู่ตลอดเวลาอาจจะทำให้ผิวถนน ด้านในซอยเกิดการชำรุดเสียหายแล้วอีกอย่างทางเข้าซอยตลอดแนวความสว่างของไฟฟ้าส่องทางเดินก็ไม่เพียงพอจึงทำให้ภายในซอยดูเปลี่ยวมากในเวลาค่ำคืน ส่วนถนนทางเข้านั้น จะสลับไปด้วยถนนที่เทปูนอย่างดีแล้วแค่เพียง 200 เมตร แต่พอตรงเข้าไปก็จะเป็นทางลูกรังซะส่วนใหญ่ จึงทำให้การสัญจรไปมาเป็นไปด้วยความยากลำบากมาก พอรถของอาสาสมัครผ่านเส้นทางหลักเข้าไปแล้ว ก็ต้องลงเดินเท้าซึ่งตรงนี้ ต้องบอกว่าลำบากกับการลำเลียงผู้ป่วยรายนี้มาก ต้องใช้เตียงเข็นไปบนทางเดินเลาะสวนซึ่งมีสภาพแคบมาก ต้องช่วยกันพยุงเตียงเข็นของคนไข้ไปจนตลอดระยะทางถึงเกือบ 1 กิโลเมตรเลยทีเดียว แต่แล้วเมื่อเข็นเตียงมาถึงทางแยกเข้าบ้านของผู้ป่วยแล้ว คราวนี้ ต้องนำผู้ป่วยขึ้นเปลตัก เพื่อนำผู้ป่วยเดินเลาะสวนไปตามคันดินซึ่งแคบและมืดมากๆ ถ้าเดินพลาดคือต้องตกลงไปในน้ำอย่างแน่นอน จึงต้องใช้ทักษะมากในการลำเลียงผู้ป่วยรายนี้จนถึงบ้าน คือครั้งนี้เดินเท้าล้วนๆแล้วต้องแบกเปลที่มีผู้ป่วยอยู่บนเปลไปด้วยอีก เกือบ 1 กิโลเมตร เช่นกัน แต่ด้วยหัวใจที่มีความมุ่งมั่นของอาสาสมัครทุกๆคนจึงส่งผู้ป่วยถึงบ้านอย่างปลอดภัยถึงบ้าน
จากการสอบถามจากคุณยายซุ้ยเอ้ง ทองใบบัว อายุ 71 ปี เล่าว่า “ยายอยู่กับตากันเพียงลำพัง 2 คน ในบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นที่เช่า แต่บ้านเราเอง ยายนอนชั้นบน ตานอนชั้นล่าง เพราะ ขึ้นลงบำบาก ตาป่วยเป็น เส้นเลือดสมองตีบ แขนขาไม่มีแรง ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เวลาเจ็บป่วย ไปหาหมอ หรือ หมอนัด จะเดินทางลำบากมาก เมื่อก่อนตอนเดินได้จะพายเรือออกไปแล้วไปขึ้นรถที่ปากทาง แต่ตอนนี้ เดินไม่ได้แล้ว เวลาเจ๋บป่วยหรือหมอนัด ก็ขอความช่วยเหลือจากศูนย์อนามัย ให้ช่วยหารถมารับไปส่งโรงพยาบาลตากสิน และ หารถมาส่งตอนกลับจากโรงพยาบาลอีก ในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณอาสาทุกคนเลย ซึ้งใจจริงๆ ที่มาช่วยเหลือ แบกตามาส่งกัน เพราะทางก็ไม่ค่อยดี มืดก็มืด ถ้าถามถึงรายได้ค่าใช้จ่าย ก็ได้จากเบี้ยคนชรา คนพิการ และก็ เก็บของในสวนนี่แหละ ขายเพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พอมั้ง ไม่พอมั้ง ก็ต้องประหยัดกันไป ให้อยู่รอดไปวันๆ นึงเท่านั้นเอง”
เบื้องต้นตากับยาย ซึ่งอยู่กันเพียงลำพัง 2 คน ซึ่งทั้งคู่ต่างก็อายุมากแล้ว และทั้งนี้ตายังมาป่วยด้วยโรคเส้นเลือดสมองตีบ แล้วไม่สามารถที่จะเดินเหิน หรือช่วยเหลือตัวเองได้อย่างคนปกติทั่วไป ส่วนเรื่องรายได้ของทั้ง 2 ตายาย ก็จะมาจากการทำสวนซะส่วนใหญ่เพื่อประทังชีวิตให้รอดพ้นไปแค่เดือนต่อเดือน แล้วยังมีเงินค่าครองชีพชราภาพจากหน่วยงานภาครัฐที่มีอยู่ ถ้าเกิดคุณตา ยังแข็งแรงเหมือนคนปกติทั่วไปก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน แต่คราวนี้คุณตาต้องมาป่วยแบบนี้ แล้วคุณยาย ก็ต้องมาแบกภาระแต่เพียงผู้เดียวแล้วไหนจะค่ารักษาพยาบาลคุณตาอีก แล้วอย่างนี้จะพอหรือเปล่าสำหรับรายได้ของคุณยายที่ยังคงต้องต่อสู้เพียงลำพังผู้เดียว แต่คุณยายก็ยังไม่เอ่ยปากร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพราะด้วยความเกรงใจแล้วกลัวว่าตนเองจะเป็นภาระให้กับคนอื่นเขา จึงไม่อยากเอ่ยปากออกมา แต่แววตาที่อ่อนล้าของคุณยายนั้น ช่างเปี่ยมไปด้วยความเหนื่อยล้าของความยากลำบากมากๆในการดำรงชีวิต สิ่งที่คุณยายปรารถนาคืออยากให้คุณตา ยังคงมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นแรงใจของกันและกันตลอดไปเท่านั้นเอง ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณอาสาสมัครร่วมกตัญญู และอาสาสมัคร กู้ชีพบูรณะ ( โรงพยาบาลราษฎร์บูรณะ ) ที่ช่วยเหลือนำคุณตาไปส่งโรงพยาบาล และ นำส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัยทุกครั้ง แม้หนทางจะยากลำบากเพียงใดอาสาสมัครก็ไม่มีเสียงบ่น แล้วไม่ย่อท้อต่อการช่วยเหลือประชาชนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.