ข่าวทั่วไป

ญาติหนุ่มเหยื่อเพื่อนชายของภรรยา นิมนต์พระเชิญวิญญาณ พี่สาวและคนสนิทโต้คำให้การของฝ่ายหญิง

ญาติหนุ่มเหยื่อเพื่อนชายของภรรยา นิมนต์พระเชิญวิญญาณ พี่สาวและคนสนิทโต้คำให้การของฝ่ายหญิง
จากกรณีผัวห้ามเมียออกเที่ยวจนมีปากเสียงกัน ฝ่ายเมียโทรหาเพื่อนชายให้มาช่วย เพื่อนชายจึงเดินทางมาพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน บุกเข้าไปในห้องจ้วงแทงสามีดับ ส่วนหนึ่งในผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บ ด้านตำรวจสามารถติดตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ครบแล้ว นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เหตุเกิดที่ หอพักแห่งหนึ่งในชุมชนเคหะเมืองใหม่บางพลี ตำบลบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 จนกลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์

โดยเฉพาะคำให้การกล่าวอ้างของฝ่ายหญิง ซึ่งอ้างว่าสามีเมาเบียร์แล้วถือมีดขู่จะทำร้าย ขณะที่ชาวเน็ตต่างพากันไปขุดคุ้ยจนไปพบว่าฝ่ายหญิงออกมาโพสต์สตอรี่ เศร้าบอกทำนองรักสามีจน นอกจากนั้นยังมีการโพสตก่อนเกิดเหตุทำนองระบุว่าไม่มีแฟน ทำให้ชาวเน็ตต่างพารถทัวร์ไปลงที่เฟสบุ๊คของฝ่ายหญิงจนล่าสุด มีการปิดโพสต์และข้อมูลส่วนตัว
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ที่บริเวณหน้าหอพักที่เกิดเหตุ ครอบครัวของ นายสุริยา สุทารัตน์ อายุ 25 ปี ทั้งพี่สาวและเครือญาติ ได้เดินทางมายังห้องที่เกิดเหตุ พบว่าทางด้านผู้ดูแลหอพักกำลังเก็บล้างทำความสะอาดคราบเลือดภายในห้องอยู่ โดยภายในห้องไม่พบข้าวของเครื่องใช้แม้แต่เสื้อผ้าของผู้ตายเหลืออยู่ ซึ่งผู้ดูแลระบุว่าฝ่ายหญิงมาเก็บของไปเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา โดยทางครอบครัวได้นิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีเชิญวิญญาณของนายสุริยา ให้กับไปบ้านเกิดหาบิดามารดาที่จังหวัดร้อยเอ็ด ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบและเศร้าโศกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
นางสาว ณีรนุช จันทร์หนองสรวง อายุ 23 ปี ลูกพี่ลูกน้องคนสนิทของผู้ตาย ออกมาให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา พร้อมกับโต้แย้งคำให้การของฝ่ายหญิง โดยเธอระบุว่า ก่อนเกิดเหตุไม่นาน ผู้ตายโทรศัพท์ไปหา บอกว่าให้ช่วยมาหาหน่อย ฝ่ายหญิงโทรเรียกผู้ชายมาหาเรื่องที่หน้าห้อง ตนเองจึงรีบเดินทางมา แต่ในระหว่างทางยังโทรหาผู้ตายเพื่อให้ส่งโลเคชั่นที่อยู่ให้ แต่ฝ่ายหญิงรับสาย พร้อมบอกว่า พี่แต้ม (ผู้ตาย) ไม่ไหวแล้ว ซึ่งตนเองก็ตกใจเพราะเพิ่งวางสายไม่กี่นาทีพอโทรกลับฝ่ายหญิงบอกไม่ไหว พอเดินทางมาถึงพบว่าถูกแทงจมกองเลือดแล้วโดยพบเพียงฝ่ายหญิงนั่งกอดร่างผู้ตายร้องไห้อยู่ ขณะที่ผู้ตายถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าให้ความช่วยเหลือและอยู่ในอาการหายใจโรยรินระหว่างจะเคลื่อนย้ายไปโรงพยาบาล ผู้ตายยังลืมตามองหน้าตนเอง ซึ่งตนเองยังพูดว่าหนูมาหาแล้ว จนกระทั่งถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาตีห้ากว่าวันเดียวกัน ในส่วนคำให้การของฝ่ายหญิงที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวานนี้ ตนเองรู้สึกโกรธมากทำไมต้องให้การใส่ร้ายคนตายขนาดนั้น โดยเฉพาะที่อ้างว่าพี่ชายเมานั้น ตนเองยืนยันว่าไม่มีทางเมาเด็ดขาดและพี่ชายไม่เคยดื่มจนเมา ตอนโทรหาก็ไม่มีน้ำเสียงที่ดูแล้วจะเมาแต่อย่างใด ทำไมต้องให้การใส่ร้ายคนตายถึงขนาดนั้น ผู้ตายก็ไม่ได้ดื่มเป็นประจำ เพราะคนตายต้องใช้เงินประหยัด ตั้งแต่มาอยู่กับฝ่ายหญิงคนนี้ เงินก็ไม่พอใช้ บางวันคนตายเคยบอกว่ามีเงินไปทำงานยังไม่ถึงร้อยบาทด้วยซ้ำจะใช้จะกินอะไรก็ต้องประหยัด ส่วนประเด็นที่อ้างว่าคนตายจะทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิงนั้น ตนเองยืนยันว่าผู้ตายไม่เคยมีนิสัยอะไรแบบนั้น ไม่ว่ากับทางครอบครัวหรือแม้แต่แฟนเก่าที่ออกมาให้ข้อมูลก็ระบุว่าทะเลาะกันแค่ไหนผู้ตายก็ไม่เคยทำร้ายร่างกายผู้หญิงแต่อย่างใด และทั้งหมดนี้ หากฝ่ายหญิงไม่โทรตามอีกฝ่ายมารุมก็คงไม่เกิดเรื่องร้ายแบบนี้
นางสาว ภัชรา สุทารัตน์ อายุ 29 ปี พี่สาวของผู้ตาย ออกมาให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับความสูญเสียน้องชายไป เพราะครอบครัวพ่อแม่มีลูกเพียงสองคน คือตนเองและคนตาย ซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวเป็นความหวังของพ่อกับแม่ทั้งสองคน จากความสูญเสียนอกจากตนเองจะช็อกแล้ว ทั้งพ่อและแม่ยิ่งทำใจไม่ได้และเสียใจอย่างมากกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ตนเองยืนยันว่าน้องเป็นคนมีเหตุมีผลและไม่เคยมีนิสัยก้าวร้าวแต่อย่างใดไม่ว่ากับใครก็ตาม ยิ่งจากคำให้การของฝ่ายหญิง ยิ่งทำให้ตนเองรู้สึกโมโหฝ่ายหญิงมากที่ให้การใส่ร้ายคนตาย และที่สำคัญฝ่ายหญิงเองที่เป็นคนโทรตามอีกฝั่งให้มาทำร้ายน้องชายจนตาย แถมยังห้องนี้ก็เป็นห้องที่น้องชายเป็นคนจ่ายค่าเช่า ที่ผ่านมาคุยกับน้องชายทุกวัน น้องชายมักจะระบายให้ฟังว่า ที่ผ่านมาทะเลาะมีปากเสียงกับฝ่ายหญิงบ่อยครั้งเพราะฝ่ายหญิงชอบออกไปเที่ยว ห้ามก็ไม่ค่อยฟัง ขนาดเงินไม่มี ยังแอบเอาโทรศัพท์ของน้องชาย กดโอนเงินในบัญชีผ่านทางโทรศัพท์ของน้องชายไปใส่ไว้ในบัญชีตัวเอง ทำให้น้องชายพอทำงานได้เงินเดือนมาก็ไม่ค่อยได้ใช้เงิน เพราะฝ่ายหญิงแอบโอนไปใส่บัญชีตัวเอง หนักสุดคือก่อนเกิดเรื่องได้ไม่นาน น้องชายไม่มีเงินแม้จะซื้อข้าวทานจนตนเองต้องโอนเงินไปให้บ่อยครั้ง ซึ่งตนเองยังบอกให้น้องชายเปลี่ยนรหัสการโอนเงิน จนล่าสุดคุณแม่ไม่สบายต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลน้องชายก็เป็นคนอาสาที่จะขอกลับไปดูแลแม่ที่โรงพยาบาลเมื่ออาทิตย์ก่อนจะเกิดเรื่อง เมื่อถามว่าหากฝ่ายหญิงจะไปร่วมงานศพด้วยจะติดขัดหรือไม่ ตนเองก็ให้ไป แต่ไม่รับรองว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ส่วนทางคุณแม่ อยากให้ฝ่ายหญิงไปกราบขอขมาศพ ตัดเวรตัดกรรมจากน้องชายกันไป โดยหลังจากนี้จะติดต่อขอรับศพน้องชายกลับภูมิลำเนาบ้านเกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งจะตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดสว่างอารมณ์ ตำบลหินกอง อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด แต่ทั้งนี้ต้องดูในเรื่องของมาตรการโควิดในพื้นที่ก่อน เพราะน้องชายผลยืนยันว่ามีเชื้อโควิด หากจะต้องทำพิธีเผาศพเลยก็จะต้องดำเนินการแล้วนำอัฐิมาสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 3 คืน เพื่อทำบุญและอุทิศส่วนกุศลให้กับน้องชาย
ด้านความคืบหน้าทางคดี ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.นิรันดร ฝักสุบัน ผกก.สภ.บางเสาธง สมุทรปราการ เปิดเผยว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมและพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ แล้วจึงขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ โดยศาลจังหวัดสมุทรปราการ อนุมัติหมายจับ 1. นายเปรมสุข ทองโคตร อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 781/2565 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “บุกรุกในเวลากลางคืน , บุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย , ร่วมกันฆ่าผู้อื่น” พร้อมตรวจยึด อาวุธมีด (พับ) จำนวน 1 เล่ม / 2.นายจิระพันธ์ หินนอก อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 780/2565 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “บุกรุกในเวลากลางคืน , บุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย , ร่วมกันฆ่าผู้อื่น” พร้อมตรวจยึด 1.เสื้อยึด สีเทาดำ ยี่ห้อ MAGDOG จำนวน 1 ตัว 2.กางเกงยืนส์ ขายาว สีเทาดำ จำนวน 1 ตัว 3.รองเท้าแตะ สีน้ำตาล ยี่ห้อ CANUE จำนวน 1 คู่ โดยของกลางทั้งหมดคือของกลาง ที่สวมใส่ไปก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น / 3. นายไชยา ศรีวงษา อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 782/2565 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “บุกรุกในเวลากลางคืน , บุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย , ร่วมกันฆ่าผู้อื่น” พร้อมตรวจยึด 1.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น อาร์ 15 สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หมายเลยตัวถัง MH3RG472111058030 จำนวน 1 คัน พร้อมลูกกุญแจ 1 ลูก 2.หมวกกันนิรภัย ยี่ห้อ QKE สีดำ จำนวน 1 ใบ 3.รองเท้าผ้าใบ สีดำ คาดขาว จำนวน 1 คู่ 4.เสื้อคอกลม ยี่ห้อ BIGTOE สีดำ จำนวน 1 ตัว โดยของกลางรายการที่ 1-4 คือของกลางที่ใช้ขับขี่และสวมใส่ไปก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น
โดยผู้ต้องหาทั้งหมดขอปฏิเสธการไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากหวั่นเรื่องความปลอดภัย ซึ่งก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา โดยพนักงานสอบสวนเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดนำตัวผู้ต้องหาทั้งสามคนฝากขังผลัดแรกที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการในวันพรุ่งนี้
***********************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ 089-6955389