ตำรวจบางพลีคุมตัวผู้ต้องหากระชากสร้อยทำแผน เจ้าตัวอ้างจะหาเงินใช้หนี้ก่อนติดคุก
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 22 ธันวา 2565 พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี สมุทรปราการ พร้อมด้วย พนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวน สภ.บางพลี ร่วมกันคุมตัว นาย ศุภกิจ ลือชาพิทักษ์ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 860/2565 ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2565 ในข้อหา วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม พร้อมกับรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณภายในซอยไทร์อั้ม ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
สืบเนื่องมาจาก เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 18 ธันวาคม 65 ที่ผ่านมา ผู้ต้องหารายนี้ได้ไปก่อเหตุกระชากสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายซึ่งเป็นสุภาพสตรีรายหนึ่ง ขณะที่ผู้เสียหายกำลังเดินหิ้วถุงกับข้าวเดินกลับบ้านพัก โดยขี่จักรยานยนต์มาประกบผู้เสียหายก่อนจะลงมือกระชากสร้อยคอทองคำจากด้านหลังขณะที่ผู้เสียหายสวมใส่ที่คอ ได้สร้อยคอไปเพียงบางส่วนเท่านั้นเนื่องจากผู้เสียหายยื้อแยงเอาไว้ได้บางส่วนก่อนจะเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี จากนั้นจึงถูกฝ่ายสืบสวน สภ.บางพลี ติดตามไปจับกุมตัวได้พร้อมของกลาง ทั้งรถจักรยานยนต์ เสื้อผ้ารองเท้าที่ใช้ในวันก่อเหตุ ได้ที่บ้านพักย่านแพรกษา ก่อนจะคุมตัวมาทำการบันทึกจับกุม หลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้คุมตัว นายศุภกิจ ไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
นาย ศุภกิจ ผู้ต้องหารายนี้ ให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง ที่ทำไป อ้างว่าตัวเองไม่ได้ตั้งใจลงมือก่อเหตุ แต่มันจนมุมและกดดัน ยังอ้างอีกว่าสาเหตุที่ทำไปนั้นก่อนหน้านี้ตนเองมีหนี้สินหลายหมื่นบาท เนื่องมาจากการที่ตนเองมีอาชีพเป็นช่างไฟฟ้า แล้วไปติดตั้งงานไฟฟ้าให้ลูกค้าแล้วเกิดความเสียหายจนต้องรับผิดชอบความเสียหายหลายหมื่นบาทจนกลายเป็นหนี้เป็นสินก่อนหน้านี้ตัดสินใจขโมยเบรกเกอร์ของผู้รับเหมาไปขายมาแล้วครั้งหนึ่งจนถูกแจ้งจับ และตนเองก็ไปมอบตัวกับทางตำรวจที่ สภ.ชัยพฤกษ์ ด้วยตัวเองมาแล้วแต่ตำรวจยังไม่ทราบว่าตัวเองเป็นผู้ต้องหาจนกรทั่งมาทราบภายหลังว่ามีการออกหมายจับ ซึ่งตนเองก็คิดมาตลอดว่าหนีไม่พ้นและต้องถูกจับกุมแน่ แต่ก่อนจะถูกจับกุมเข้าคุกจึงอยากหาเงินไปใช้หนี้สินที่ค้างเขาไว้ให้หมด จึงตัดสินใจก่อเหตุกระชากสร้อยหวังขายเอาเงินไปใช้หนี้ก่อนติดคุก
พ.ต.อ. วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี เปิดเผยว่า สำหรับผู้ต้องหารายนี้ หลังจากที่มาก่อเหตุบริเวณดังกล่าว จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามจนสามารถจับกุมตัวได้ ซึ่งนอกจากคดีนี้แล้ว จากการตรวจสอบประวัติยังพบว่าในวันเดียวกัน ผู้ต้องหารายนี้ ไปก่อนเหตุทำนองเดียวกันที่ย่านกิ่งแก้วมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เคสดังกล่าว พบว่าเป็นทองปลอม จึงมาลงมือก่อเหตุซ้ำในพื้นที่ สภ.บางพลี ขณะที่ฝ่ายสืบสวนชุดจับกุม นำโดยสารวัตรสืบสวน พบเส้นทางคนร้ายรายนี้ หลังก่อเหตุผู้เสียหายรายนี้ แล้วจากการตรวจสอบเส้นทางหลบหนีและแผนประทุษร้ายรายนี้ พบว่า ไม่ใช่แค่เพียงการเตรียมตัวมาก่อเหตุกับผู้เสียหายรายเดียว มีการขับขี่รถคันดังกล่าวไปตามตลาดนัดที่มีผู้คนจำนวนมากอีกหลายแห่ง เพื่อเลือกหาเหยื่อที่มาเดินซื้อกับข้าวและใส่สร้อยคอเดินกลับบ้าน แต่นอกจากผู้เสียหายรายนี้แล้วผู้ต้องหาไม่สบโอกาสลงมือในพื้นที่บางพลี จึงไปก่อเหตุใกล้เคียงกับตลาดนัดแห่งหนึ่งที่ย่านบางนา และเขตสำโรงเหนือ ด้วยการขี่รถจักรยานยนต์ประกบหลังก่อนลงมือกระชากสร้อยแต่ไม่ได้ทรัพย์สินไปแต่อย่างใด จนกระทั่งฝ่ายสืบสวนได้กล้องวงจรปิดจนสามารถตามไปจับกุมตัวได้ในที่สุด ซึ่งนอกจากนั้นจากประวัติยังพบว่ามีหมายจับของชัยพฤกษ์ นนทบุรี ในข้อหาลักทรัพย์อีกด้วย
พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี ยังฝากเตือนเหล่าบรรดาสุภาพสตรีหรือแม่บ้านที่ออกมาซื้อของตามตลาดหรือออกมาซื้อกับข้าว ไม่ควรสวมใส่สร้อยทองหรือสวมใส่ทรัพย์สินมีค่าล่อตาล่อใจโจร โดยเฉพาะช่วงนี้ใกล้เทศกาลปีใหม่ที่จะมีวันหยุดยาว โจรมักก่อเหตุหาเงินใช้ จึงต้องฝากเตือนสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสวมใส่สร้อยคอหรือข้อมือทองคำ
*******************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ 089-6955389