เตือนภัย !! หนุ่มวัย 28 ปี ชาร์จโทรศัพท์ ใกล้ตัวไฟช็อตดับสลด ย่านพุทธบูชา
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 8.00 น.
ร้อยตำรวจเอกหญิง จิรัชญา ยอดคำ รอง สว.สอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตภายในห้องเช่าไม่มีชื่อภายในซอย พุทธบูชา จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมอาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุพบจุดเกิดเหตุอยู่ภายในบ้านเช่าไม่มีชื่อ ซอย พุทธบูชา ถนน พุทธบูชา แขวง บางมด เขต ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เป็นลักษณะอาคารปูน 2 ชั้น แบ่งเป็นห้องให้เช่า ทั้งหมดรวมกันมี 10 ห้อง เหตุเกิดภายในห้องที่ 2 ชั้นล่างสุดของตัวอาคารดังกล่าว ตรวจสอบภายในห้องพบผู้เสียชีววิตเป็นชาย 1 ราย อายุ 28 ปี ประกอบอาชีพเป็นช่างเชื่อมเหล็ก อยู่ในสภาพนอนตะแคงข้างมือข้างขวาพาดทับอยู่กับโทรศัพท์มือถือที่กำลังเสียบสายชาร์จอยู่กับปลั๊กต่อพ่วง การแต่งกาย สวมกางเกงขาสั้นสีดำคาดแดง ไม่สวมเสื้อ มีเลือดไหลออกจากปาก ที่มือข้างขวาพบรอยเขม่าดำอย่างเห็นได้ชัดเจน ไม่พบร่องรอยจากการถูกทำร้ายร่างกาย และภาพในห้องไม่มีการถูกรื้อค้น ตรวสอบบริเวณปลั๊กไฟภายในห้องพบว่าขั้วของปลั๊กไฟต่อพ่วงดังกล่าวไม่มีหัวปลั๊กไฟใช้วิธีปลอกสายไฟแล้วเสียบเข้าไปตรงๆกับปลั๊กไฟเมนหลักของตัวบ้านจึงคาดว่าอาจจะเป็นสาเหตุของการทำให้เกิดไฟฟ้ารัดวงจรแล้วเป็นสาเหตุของการเกิดเหตุการณ์สลดในครั้งนี้ก็เป็นได้
จากการสอบถามพี่ชายของผู้ตาย บอกเล่าว่า เลิกงานมาตอน 2 ทุ่ม ของเมื่อวานนี้ก็มาเคาะประตูไม่มีเสียงตอบรับ แล้วก็ไปกินข้าวพอกินเสร็จก็ออกไปทำงานต่อพอกลับมาอีกทีตอนช่วงตี 2 ก็มาเคาะเรียกที่ห้องอีกครั้งก็ไม่มีเสียตอบรับอีก คลาวนี้เพื่อนที่อยู่ร่วมห้องก็ไปนอนกับเพื่อนอีกห้อง พอช่วง 6 โมงเช้าก็รองมาเคาะดูอีกทีก็ไม่มีเสียตอบรับอีกก็เลยตัดสินใจช่วยกันดันประตูเข้าไปก็พบว่าเสียชีวิตแล้วก็เลยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วตนเองก็ไม่ทราบว่าเขามีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า ปรกติเขาก็ไม่ได้เป็นคนนอนขี้เซาอะไรแบบนี้พอเลิกงานมาก็จะเห็นเขานั่งเล่นอยู่หน้าห้องเป็นประจำ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแพทย์นิติเวช ยังไม่สรุปสาเหตุของการเสียชีวิตต้องนำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งที่นิติเวช ถึงจะสรุปสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงได้ จึงมอบหมายให้อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปตรวจสอบที่นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และจะให้ญาตินำเอกสารไปรับร่างผู้เสียชีวิตมาประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.