ชมรมสื่อสร้างสรรค์จังหวัดร้อยเอ็ด จัดกิจกรรมเลี้ยงอาหารกลางวันส่งมอบความสุขให้แก่เด็กพิการทางสายตา เนื่องในวันนักข่าว 5 มีนาคม
วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม 2566 เวลา 11.30 น. ชมรมสื่อสร้างสรรค์จังหวัดร้อยเอ็ด นำโดย นายวินัย วงค์วีระขันธ์ ประธานชมรมฯ และคณะ จัดกิจกรรมเลี้ยงอาหารกลางวันให้แก่เด็กพิการทางสายตา เนื่องในวันนักข่าว 5 มีนาคม 2566 ณ โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดร้อยเอ็ด หมู่ที่ 10 ตำบลดงลาน อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย นายนุชากร มาศฉมาดล รองนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด นายพิชัยยา ตุระซอง หัวหน้าสำนักงานจังหวัดร้อยเอ็ด นางสาววิภาดา รัตนโรจนา ประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด นางสาวนงนุช สีทาน้อย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดร้อยเอ็ด เข้าร่วมเป็นเกียรติ ร่วมมอบความสุขให้กับเด็กๆ
โดย วันนักข่าวนั้น เป็นวันสำคัญในสาขาของสื่อมวลชน ที่มีการจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นการแสดงถึงความสำคัญของนักข่าวที่มีต่อวงการข่าวสารในบ้านเรา ข่าวสารนั้นถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในโลกยุคนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้รู้ข่าวคราวความเป็นไปของโลก และสิ่งรอบตัว ดังนั้น ทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จึงได้มีการผลักดันให้วันที่ 5 มีนาคม ของทุกปี ถือเป็น “วันนักข่าว” เนื่องจากมีการก่อตั้งสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ขึ้นในวันที่ 5 มีนาคม 2498 หรือวันนี้เมื่อ 68 ปีที่แล้ว ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น สมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในปัจจุบัน วันเดียวกันนี้ยังถูกใช้เพื่อเป็นการประกาศยกย่องหนังสือพิมพ์ นักข่าว และช่างภาพ มีผลงานยอดเยี่ยมสมควรได้รับรางวัล มีการพบปะสังสรรค์กันในบรรดาผู้สื่อข่าวจากทุกสำนัก และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับนักข่าวผู้ล่วงลับทุกๆ ปี นอกจากจะเป็นการร่วมมอบสิ่งดี ๆ ให้กับสังคมแล้ว ยังเป็นการสร้างความสามัคคีระหว่างสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกัน
ทั้งนี้ นายวินัย วงค์วีระขันธ์ ประธานชมรมสื่อสร้างสรรค์จังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการจัดกิจกรรมเนื่องในวันนักข่าว ซึ่งทางชมรมสื่อสร้างสรรค์จังหวัดร้อยเอ็ด ได้กำหนดจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยวันนี้ ได้จัดกิจกรรมเลี้ยงอาหารกลางวันให้แก่เด็กพิการทางสายตา พร้อมมอบทุนสนับสนุน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเด็ก และเป็นหนึ่งในกิจกรรมสาธารณประโยชน์ของทางชมรม เพื่อเป็นการรวมพลัง ประสานความร่วมมือและความสามัคคีในหมู่สื่อมวลชน ทั้งสื่อวิทยุ – โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และสื่อโซเชียล ให้ได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นชึ่งกันและกันในการทำงาน สร้างความเข้าใจอันดีต่อสื่อด้วยกัน รวมถึงภาครัฐและเอกชน ที่สนับสนุนการขับเคลื่อนงานสื่อมวลชน ได้สร้างสรรค์การทำงานร่วมกันนำไปสู่การแก้ปัญหาความเดือนร้อนและนำเสนอข่าวสารข้อเท็จจริงสู่ประชาชนในพื้นที่ต่อไป
