ข่าวทั่วไป

ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมเจ๊ไม้ หัวหน้าเครือข่ายขนแรงงานเถื่อนข้ามชาติจากเมียนมาไปยังมาเลเซีย และเป็นตัวการใหญ่สุดในประเทศไทย

 

ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมเจ๊ไม้ หัวหน้าเครือข่ายขนแรงงานเถื่อนข้ามชาติจากเมียนมาไปยังมาเลเซีย และเป็นตัวการใหญ่สุดในประเทศไทย พบเงินหมุนเวียนในบัญชี6 เดือน 21 ล้านบาท เคยเป็นผู้จัดการบริษัทขนส่งสินค้ารายใหญ่ในจ.สระแก้วหลังโควิดธุรกิจมีปัญหาจึงหันมาขนแรงงานเถื่อนคิดค่าหัวคนละ 17,500 บาท ก่อนหน้านี้ได้ซิวลูกน้องคนสนิทและเครือข่ายขนแรงงานเถื่อนไปแล้ว13คน

 

หลังจากที่ทาง พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ตม.ทั่วประเทศกวาดล้างจับกุมขบวนการค้าแรงงานต่างด้าวผิดกฏหมายข้ามชาติ โดยเฉพาะที่ผ่านพื้นที่ภาคใต้ซึ่งมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวาวเมียนมาเข้าไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย และตั้งแต่ต้นปีนี้ได้จับกุมไปแล้ว26คดี ผู้ต้องหา 35 คน และจากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่าคดีทั้งหมดเป็นการกระทำผิดในหลายท้องที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน

ล่าสุดในวันนี้(7มี.ค.66)ที่ศูนย์ปฏิบัติการตรวจคนเข้าเมืองจ.สงขลา

พ.ต.อ.เด่นชาย เจริญยุทธ ผู้กำกับการสืบสวนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง6 แถลงข่าวการจับกุม นางภาลิณีย์ หรือเจ๊ไม้ อายุ 53ปี หัวหน้าเครือข่ายขนแรงงานเถื่อนชาวเมียนมาข้ามชาติ ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ที่สุดในไทย

โดยถูกชุดสืบสวนตม.จังหวัดสงขลา ร่วมกับชุดสืบสวนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง3 และชุดสืบสวนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง6 จับกุมได้ขณะกลับมาพักผ่อนที่บ้านพักส่วนตัวในพื้นที่จ.นนทบุรี

ในทางการสืบสวนพบว่า นางภาลิณีย์ หรือเจ๊ไม้ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการบริษัทขนส่งสินค้ารายใหญ่แห่งหนึ่งในจ.สระแก้ว คือผู้อยู่เบื้องหลังทำหน้าที่ทั้งประสานงานการนำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองชาวเมียนมาระหว่างนายหน้าชายแดนไทย-เมียนมา กลุ่มรถขนแรงงานต่างด้าว และประสานนายหน้าที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย

และเกี่ยวข้องกับการขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองในพื้นที่ภาคใต้ไม่ต่ำกว่า 7 คดี มีสมาชิกในเครือข่ายที่ถูกจับกุมและถูกออกหมายจับไปแล้ว 13 คน ซึ่งมีทั้งคนประสานงาน คนขับรถขนส่ง และคนจัดหาที่พัก มีภูมิลำเนาทั้งในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี สงขลา ปัตตานี และจ.ยะลา

 

 

ในจำนวนนี้มี นายมะเพาซี อายุ43ปี และนายเจษฎา อายุ 28ปี ลูกน้องคนสนิทของเจ๊ไม้ ซึ่งถูกจับกุมไปแล้วรวมอยู่ด้วย และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมามีเงินหมุนเวียนในบัญชีของเจ๊ไม้ถึง 21 ล้านบาท

พ.ต.อ.เด่นชาย เจริญยุทธ ผู้กำกับการสืบสวนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง6 กล่าวว่า จากการสอบสวนเจ๊ไม้ก็ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยบอกว่า ก่อนหน้านี้มีอาชีพรับขนส่งสินค้านำเข้า และจัดหารถโดยสารจากชายแดนไทย-กัมพูชา มายังพื้นที่ภาคใต้จึงรู้จักคนขับรถขนส่งสินค้าเป็นอย่างดี

แต่ในช่วงโควิด ทำให้ชายแดนปิดตัวกระทบถึงธุรกิจขนส่ง จึงหันมาค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติ โดยทำหน้าที่ประสานงานนำพาคนต่างด้าวชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองจากชายแดนจ.ประจวบคีรีขันธ์ และส่งต่อเข้าไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย

 

โดยคิดค่าหัวคนละ 17,500 บาท แยกเป็นค่าใช่จ่ายต่างๆเช่นค่าขนส่งจากจ.ประจวบคีรีขันธ์ไปยังจ.สงขลา 4,000 บาท ค่าพักคอยรวมถึงค่าข้าวค่าน้ำ 1,500 บาท ค่าขนส่งไปยังจ.นราธิวาส 2,500 บาท และค่าลักลอบนำพาเข้าไปยังประเทศมาเลเซีย 8,000 บาท และจากการตรวจสอบประวัต เจ๊ไม้ พบว่าเมื่อ2 ปี ก่อนเคยถูกจับกุมในคดีเกี่ยวกับการค้าแรงงานเถื่อนที่จ.จันทบุรี มาแล้วครั้งหนึ่งด้วย

สำหรับ เจ๊ไม้ ได้ถูกแจ้งดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ให้การช่วยเหลือด้วยประการใดๆแก่คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาโดยผิดกฏหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ขณะนี้ถูกส่งตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนาทวี

พ.ต.อ.เด่นชาย เจริญยุทธ ผู้กำกับการสืบสวนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง6 กล่าวว่า แม้จะสามารถจับกุม เจ๊ไม้ ซึ่งเป็นตัวการใหญ่เครือข่ายค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติได้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้าสืบสวนขยายผลไปยังผู้ที่อยู่ในเครือข่ายค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติที่ขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาไปยังประเทศมาเลเซียกลุ่มนี้หากเชื่อมโยงไปถึงใครก็จะออกหมายจับทุกคน

และเชื่อว่าการจับกุมเจ๊ไม้ จะเป็นการตัดทอนขบวนการขนแรงงานเถื่อนข้ามชาติจากเมียนมาไปยังมาเลเซียโดยใช้ไทยเป็นทางผ่านลดลง

พี่เสือ นักข่าวสงขลา