ข่าวทั่วไป

สีสันนักท่องเที่ยวชาวจีนในมาเลเซียเดินทางเข้าท่องเที่ยวสงขลาย่านเมืองเก่าถนนนางงาม ที่มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปี หลาก หลายวัฒนธรรม ทั้งเรื่อง ภาษา อาหาร การแต่งกาย ผสมผสานกันอย่างลงตัว

สีสันนักท่องเที่ยวชาวจีนในมาเลเซียเดินทางเข้าท่องเที่ยวสงขลาย่านเมืองเก่าถนนนางงาม ที่มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปี หลาก หลายวัฒนธรรม ทั้งเรื่อง ภาษา อาหาร การแต่งกาย ผสมผสานกันอย่างลงตัว ส่งผลให้อาหารพื้นถิ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และในย่าน สงขลาเมืองเก่า ก็มี ร้านอาหาร อร่อยๆ อยู่หลายสิบร้านที่ให้นักท่องเที่ยวได้ชิมกัน
สีสัน..นี่คือ ย่านสงขลาเมืองเก่า ถนนนางงาม เขตเทศบาลนครสงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลาสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสงขลามาอย่างยาวนานและเป็นที่เคารพนับถือของชาวสงขลาและนักท่องเที่ยวชาวจีนในมาเลเซียที่เข้ามากราบไหว้สักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองทุกครั้งที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลา ทำให้ถนนสายนี้คึกคัก มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวจีนในมาเลเซียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก นอกจากมากราบไหว้สักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองแล้ว ยังมีร้านอาหารอร่อยๆอยู่หลายสิบร้านให้นักท่องเที่ยวได้ชิมอีกด้วย
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา เป็นโบราณสถานในสมัยรัตนโกสินทร์ ลักษณะจะเป็นศาลเจ้าแบบเก๋งจีน สร้างขึ้นในสมัยพระยาวิเชียรคีรี (เถี้ยนเส้ง ณ สงขลา) เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาภายในศาลประดิษฐานหลักเมืองที่ทำจากไม้ชัยพฤกษ์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ทรงพระราชทานให้ประจำเมือง โดยหลักเมืองนี้ทำพิธีฝังไปเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ปีพ.ศ.2385 และสร้างอาคารของเมืองเอาไว้ เพื่อให้เป็นที่สถิตย์ของเทพผู้รักษาหลักเมือง และเรียกเทพองค์นั้นว่า “เจ้าพ่อหลักเมือง” และสร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างเมืองสงขลาแห่งใหม่ ในปีเดียวกัน ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของทั้งชาวจีนและชาวไทย อยู่ภายในศาลเดียวกัน


หลังจากกราบไหว้สักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเสร็จแล้ว นักท่องเที่ยวก็จะแวะกินอาหาร ร้านข้าวสตูเกียดฟั่ง ซึ่งเป็นร้านข้าวสตูเจ้าแรกของจังหวัดสงขลา ที่มีอายุ เกือบ 100 ปี จำหน่ายข้าวสตูอาหารพื้นถิ่นของจังหวัดสงขลา และซาลาเปาลูกใหญ่ ข้าวสตูเป็นอาหารพื้นถิ่นดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสงขลา ที่ได้รับการสืบทอดมา เป็นรุ่นที่ 3 จากก๋งมาจากเมืองจีน มณฑลไหหลำโดยนำสูตรของอินโดนีเซียมาผสมผสานให้เข้ากับสูตรที่คนไทยชอบ และนำมาขายที่สงขลาก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 สตูของทางร้านจะเป็นสตูหมู โดยการนำหมูนุ่ม เครื่องในหมู ตุ๋นด้วยสมุนไพรหลายชนิดประกอบกับมันหางกะทิจนได้รสกลมกล่อม และจะรับประทานกับข้าว หมูกรอบ หมูแดง กุนเชียง และน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ ราคา จะเริ่มตั้งแต่ 60 บาท / 80 บาท /100 บาท และ 150 บาท
และบริเวณตรงข้ามศาลเจ้าพ่อหลักเมืองก็จะมีร้านไอศกรีมชื่อดัง คือ ร้านบันหลีเฮง ซึ่งเป็นร้านขายไอศครีมถั่วเขียวโบราณ เจ้าแรก ต้นตำรับเมืองสงขลา มาเป็นเวลายาวนานตั้งแต่บรรพบุรุษสืบทอดมาจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานกว่า 90 ปี ที่นักท่อง เที่ยวชาวมาเลเซียรู้จักเป็นอย่างดี และในทุกๆวันก็จะเห็นบรรยากาศหน้าร้านมีนักท่องเที่ยวมารอซื้อไอสครึมเต็มหน้าร้านแบบนี้


ร้านบันหลีเฮง เป็นร้านขายไอศครีมถั่วเขียวโบราณ เจ้าแรก ต้นตำรับเมืองสงขลา มาเป็นเวลายาวนานตั้งแต่บรรพบุรุษสืบทอดมาจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานกว่า 90 ปี มีไอศครีมทั้งรสกะทิสดและรสวนิลา เมนูประกอบด้วยไอศครีมถั่วเขียว ไอศครีมถั่วเขียวทรงเครื่อง ไอศกรีมถั่วเขียวไข่แข็ง ไอศครีมไข่แข็ง ไอศกรีมไข่แข็งทรงเครื่อง ไอศกรีมทรงเครื่อง ไอศครีมภูเขาไฟ combo ไอศครีมกล้วยและหวานเย็นลิ้นจี่ เนื่องจากร้านบันหลีเฮงเปิดมาเป็นเวลายาวนานมีลูกค้านรุ่นเก่าและลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่แวะเวียนเข้ามากินไอศครีมในร้านทุกวันทั้งช่วงเที่ยงและช่วงเย็น
และถนนนางงาม ย่านเมืองเก่าสงขลาเส้นนี้ ก็ยังมีร้านไอศครีมอร่อยๆอีกร้านหนึ่งที่เป็นร้านขวัญใจวัยรุ่น และเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ก็คือร้าน ไอติมโอ่ง เป็นไอติมเก่าแก่ที่ขายมาอย่างยาวนาน และมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักมากมายของเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาถนนนางงาม ถนนย่านเมืองเก่าสงขลา ร้านไอติมโอ่ง ค่อนข้างป๊อปปูล่าในหมู่เด็กวัยรุ่น โดยเฉพาะเด็กนักเรียนมัธยม ช่วงเย็นๆวัยรุ่นเต็มร้าน บรรยากาศร้านก็ธรรมดาเป็นห้องแถวไม่ได้ตกแต่งหวือหวาแต่อย่างใด ไอติมของทางร้านมีให้เลือก 2 ประเภทคือแบบ ไอศครีมแบบดั่งเดิม (ไอศครีมกะทิ) และไอศครีมลิ้นจี้ โดยสามารถเลือกสั่งท๊อปปิ้งได้ 6 แบบคือ ทรงเครื่อง (ใส่เครื่องโน้นนี้นั้น) ถั่วเขียว หวานครีม (ผสมเฮลบลูบอย) ยกล้อ (ใส่น้ำโค้ก) เรนโบว์ และ ใส่ไข่ ทุกเมนูเสิร์ฟมาในโอ่งดินเผาเล็กๆ ราคาไม่แพง อยู่ที่จะประมาณ 20 บาทเท่านั้นเอง (สามารถสั่งซื้อกลับบ้านได้ จะแถมโอ่งให้ด้วย)
ย่านเมืองเก่าสงขลา ถนนนางงามเป็นถนนสายเก่าแก่ของ จ.สงขลา มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปี แต่เดิมเรียกว่า “ถนนเก้าห้อง” เนื่องจากเริ่มแรกมีอาคารบนถนนสายนี้เพียง 9 คูหา หรือ 9 ห้อง และในปี พ.ศ.2478 จังหวัดสงขลา ได้จัดงานปีใหม่พร้อมกับจัดประกวดนางงามสงขลาขึ้น นางงามที่ชนะและได้เป็น “นางงามสงขลาคนแรก” นั้นก็อาศัยอยู่ ณ “ถนนเก้าห้อง” นับแต่นั้นมาคนสงขลาจึงเรียกถนนเส้นนี้ว่า “ถนนนางงาม” อาคารบ้านเรือนบนสองฝากฝั่งถนนสายนี้ส่วนใหญ่เป็นจะห้องแถวไม้อายุนับร้อยกว่าปีสุดคลาสสิค เป็นการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมจีนฮกเกี้ยนและชิโนโปรตุกีส นอกจากบ้านเรือนที่สวยงามที่ควรค่าแก่การมาเดินชมแล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ขึ้นชื่อก็คือ ร้านอาหาร ที่มีให้เลือกชิมมากมายกว่า 30 ร้าน หลายๆร้านเป็นร้านเก่าแก่อายุใกล้ 100 ปี มีให้เลือกชิมทั้งของคาวและของหวาน

พี่เสือ นักข่าวสงขลา