ข่าวทั่วไป

ข้องใจนายกเมืองประจวบฯบอกไม่มีงบ 17 ล้าน ทำโครงการแก้ไขน้ำเสียไหลลงหาดประจวบฯ

ข้องใจนายกเมืองประจวบฯบอกไม่มีงบ 17 ล้าน ทำโครงการแก้ไขน้ำเสียไหลลงหาดประจวบฯ

วันที่ 27 เมษายน นายกมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ชี้แจงกรณีมีฝนตกทำให้น้ำเสียทะลุท่อไหลลงชายหาด หน้าอ่าวประจวบฯ ยืนยันว่าไม่มีเจตนาฝ่าฝืนคำสั่งศาลปกครอง

ภายหลังเมื่อวันที่ 26 เมษายน จ่าอากาศเอก เสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ระบุว่า เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2566 ศาลปกครองเพชรบุรีมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ส. 2/2565 สั่งกำหนดวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนพิพากษา ปมทิ้งน้ำเสียลงหาด ให้เทศบาลเมืองประจวบฯปิดจุดระบายน้ำล้นที่ฝายน้ำล้นทุกจุด และทำการซ่อมแซมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ให้ผู้ว่าฯประจวบ หาวิธีการแก้ไขกรณีมีน้ำฝนจำนวนมาก เพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วม โดยให้ดำเนินการทันที ซึ่งเป็นคำสั่งที่กำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

หลังจากศาลมีคำสั่งเทศบาลเมืองผู้ถูกฟ้องใช้เวลานานกว่า 20 วัน จึงมีการปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยจ้างผู้รับเหมาใช้อิฐซีแพคก่อปิดท่อทั้งหมดเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566 เพื่อไม่ให้น้ำเสียไหลลงทะเล แต่เมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่ผ่านมา พบว่าท่อระบายน้ำขนาดใหญ่หน้าโรงแรมหาดทอง ริมถนนเลียบชายหาด ยังมีน้ำเสียจากชุมชนไหลลงทะเลตามปกติ เช่นเดียวกับบริเวณน้ำตกท่อคู่เยื้องโรงแรมประจวบบีช มีน้ำเสียไหลลงทะเลจำนวนมาก ซึ่งพบว่าน้ำมีสีดำและส่งกลิ่นเหม็น ทำให้กระทบกับการท่องเที่ยว

นายกมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า มีการปิดท่อตามคำสั่งศาลแล้ว แต่อาจจะมีน้ำรั่วหลังจากมีฝนตก ซึ่งได้สั่งการให้ดำเนินการซ่อมให้เรียบร้อย และจากการตรวจสอบพบว่าน้ำยังผุดมาจากท่อ ขณะที่การสูบน้ำไปบ่อบำบัดยังมีปัญหาเครื่องสูบน้ำชำรุด องค์การจัดการน้ำเสีย ( อจน.) อยู่ระหว่างการจัดงบเพื่อซ่อม และเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน อจน.ได้ขอยืมเครื่องสูบน้ำจากเทศบาลไปใช้งาน เพื่อสูบน้ำไปบ่อบำบัด ยอมรับว่าระบบน้ำเสียปัจจุบันมีอายุใช้งานนานกว่า 25 ปีซึ่งนานเกินไป เนื่องจากปัจจุบันชุมชนมีการขยายตัวต่อเนื่อง

เมื่อถามว่า สำหรับกรณีที่สภาฯเคยผ่านงบ 17.7 ล้านบาท เพื่อสร้างสถานีสูบน้ำบนถนนเลียบชายหาด จะแก้ปัญหาได้ใช่หรือไม่ นายกมล กล่าวว่า การใช้งบสามารถเยียวยาปัญหาได้ แต่ติดขัดที่ไม่มีงบประมาณที่จะดำเนินการ

มีรายงานว่าสำนักงานศาลปกครองเพชรบุรี มีหนังสือที่ ศป 0011/ธ 317 ลงวันที่ 20 เมษายน 2566 ถึงเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 โดยขอให้ชี้แจขงผลกดารปฏิบัติงานของเทศบาลภายใน 15 วัน ตามคำสั่งศาลปกครอง ในคดีหมายเลขดำที่ ส. 2 /2565เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2566

จ่าอากาศเอก เสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค ผู้ฟ้องคดีที่ 1 กล่าวว่า จะยื่นเอกสารตรวจสอบหลังจากนายกเทศมนตรีชี้แจงว่าไม่มีงบ 17.7 ล้านในระยะ 2 ปีที่ผ่านมาเพื่อไขปัญหาบนถนนเลียบชายหาดเพื่อไม่ให้น้ำเสียไหลลงทะเล โดยทำระบบเพื่อนำน้ำเสียจากชุมชนไหลไปบ่อบำบัดมูลค่า 200 ล้านบาท

“จากการตรวจสอบว่าก่อนได้รับเลือกตั้งเป็นนายกนายกมล เคยเป็น ส.ท. ตามมาตรา 44 เมื่อแจ้งว่าไม่มีงบ จึงขอให้นายกมล เรียกนายสุทธิพร เที่ยงธรรม ปลัดเทศบาลคนปัจจุบันที่ทำหน้าที่รักษาการนายกเทศมนตรีในขณะนั้น ให้คำตอบว่าหากไม่มีงบประมาณ 17 ล้านจากงบจ่ายขาดสะสมแล้วจะเสนอญัตติเข้าสภาให้ ส.ท.ยกมือโหวตได้อย่างไร ต่อมาเมื่อนายกฯชนะการเลือกตั้ง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 ได้เสนอญัตติขอใช้งบเพิ่มอีก 7 แสนบาท เป็นค่าที่ปรึกษาโครงการ สภา ส.ท.ยกมือผ่านให้”

“การประชุมมีการเชิญสื่อมวลชนเข้าไปสังเกตการณ์เนื่องจากมี ส.ท.รายหนึ่งอภิปรายว่าโครงการนี้มีประชาชนร้อยละ 99 เห็นด้วยต้องการให้ใช้งบทำโครงการ ในการประชุมหาก ส.ท.รายใดไม่ยกมือโหวตให้งบผ่าน ก็ต้องการให้สื่อไปสอบถามเหตุผลนำไปประจานให้ประชาชนรับทราบ แต่เมื่องบผ่านนานแล้ว ไม่มีการทำโครงการ ก็ทราบว่าไม่เคยมีใครออกมาแถลงให้สภารับทราบ “ จ่าอากาศเอกเสกสรรค์ กล่าว
/////
พิสิษฐ์ รื่นเกษม ข่าว จ.ประจวบคัรีขันธ์ โทร0985681744