‘หมอแว’ เบอร์ 2 เขต 1 ‘พลังประชารัฐ’ ขึ้นรถแห่รอบเมืองนราฯ ขอโอกาสเป็นกระบอกเสียงในสภาฯ ย้ำ! หมดยุค ‘บ้านใหญ่’ อุปถัมภ์
วันที่ 29 เมษายน 2566 นายแพทย์แวมาฮาดี แวดาโอะ ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เบอร์ 2 เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ที่คร่ำหวอดในวงการเมืองระดับชาติมาอย่างโชกโชน ขึ้นรถแห่ที่ติดป้ายแสดงตัวตนพร้อมเบอร์และพรรคอย่างชัดเจน ตระเวนไปตามถนนสายหลักในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส โดยมีทีมงานและผู้สนับสนุนขับขี่รถตามไปเป็นขบวน ท่ามกลางกระแสตอบรับจากประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าที่มีต่อ ‘หมอแว’ อย่างคึกคัก และบางช่วงบางตอน ‘หมอแว’ ได้ลงจากรถที่บริเวณหลังตลาดสดเช้า ถนนพิชิตบำรุง เพื่ออ้อนขอโอกาสและคะแนนเสียงด้วยการช่วยพ่อค้าแม่ค้าขายผัก ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเอง
โดยนายแพทย์แวมาฮาดี แวดาโอะ ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต เบอร์ 2 เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนหน้าที่จะขึ้นรถแห่ว่า นโยบายพรรคพลังประชารัฐเริ่มตั้งแต่ช่วงท้อง เราดูแลเดือนละ 10,000 จนกระทั่งคลอดออกมา เราดูแลเดือนละ 2,000 จนอายุ 6 ขวบ พอเรียนหนังสือคือเรียนฟรี และเสริมเรื่องของภาษาด้วย เราจะเอาบุคลากรที่เก่งด้านภาษาที่จบจากต่างประเทศและอยู่ในชุมชนนั้นๆไปเป็นครูพิเศษตามโรงเรียนต่างๆในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเมื่อเรียนจบ และยังไม่ได้งานทำ อยู่ระหว่างรอ บัตรพลังประชารัฐจะช่วยค้ำจุนไปก่อน
ส่วนกรณีเจ็บป่วย ต้องไปโรงพยาบาล ( รพ.สต.) ใกล้บ้าน ที่เราจะเสริมให้มีแพทย์ครบทุกโรงพยาบาล ส่วนผู้สูงอายุ เราก็ดูแลในแต่ละช่วงอายุขึ้นไปตามสเต็ป ในเรื่องทำมาหากิน เราจะแก้ปัญหาเรื่องที่ทำกิน ที่ดินของรัฐตรงไหนไม่ได้ใช้ประโยชน์ ก็ให้ประชาชนได้ทำมาหากินบนที่เหล่านั้น รวมทั้งนโยบายต่างๆอีกมากมาย
“นโยบายของพรรคที่ไม่เพ้อฝัน มีฐานในการทำมาแล้วและจะต่อยอด โดยผมเองได้ต่อยอดในสิ่งที่ทำมาแล้ว เราพร้อมมาประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว ส่วนแรงกระแทกมีมั้ยต้องเข้าใจว่าเราต้องสู้กับบ้านใหญ่ แต่ยุคนี้เป็นยุคโซเชียล และเขตนี้คืออำเภอเมืองและอำเภอยี่งอ เชื่อว่าระบบอุปถัมภ์มีน้อย เพราะคนมีการศึกษาและเข้าถึงสื่อโซเชียล มีความชัดเจน มีความเป็นตัวตนและมีอิสรภาพทางความคิดที่จะเลือกใครก็ได้ เพราะฉะนั้นแรงกดทับจากบ้านใหญ่หรือเครือข่ายผู้มีอิทธิพลย่อมไม่มีแน่นอนในเขตนี้ ยุคนี้ไม่มีใครสามารถไปบังคับใครได้ว่าหมู่บ้านนี้ต้องเลือกคนนั้นคนนี้ เพียงแต่ประชาชนเก็บไว้ในใจ และเชื่อว่าผลการเลือกตั้งในครั้งนี้จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของจังหวัดนราธิวาสอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ‘หมอแว’ ยังตอบข้อซักถามสื่อมวลชนถึงกรณีบ้านใหญ่ของจังหวัดนราธิวาสว่า “เราจะไม่โค่นบ้านใหญ่ แต่ประชาชนจะเป็นคนโค่นเอง ประชาชนจะเป็นตัวชี้วัดเอง ตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมา เราทำงานระดับรากหญ้า และเราจะเป็นตัวแทนของประชาชน ไม่ใช่ตัวแทนบ้านใหญ่ ไม่ใช่ตัวแทนสีเทา สำหรับผู้ที่จะเริ่มใหม่ทางการเมือง ถ้าคุณมีพื้นฐานที่ไม่เหมาะสม ประชาชนจะสั่งสอนคุณเอง ผมเชื่อมั่นว่าประชาชนจะต้องการ ส.ส.ที่มีบทบาทและที่สำคัญสามารถอภิปรายในสภาฯ เพื่อสะท้อนปัญหาและดึงงบประมาณลงมาช่วยเหลือประชาชนได้ ผมเป็นคนรักษาสัญญา จะทำตามที่พูด ผมตั้งใจเข้ามาทำงาน ผมเป็นคนทำงาน ไม่ได้แสวงหาตำแหน่ง เพราะผมมีตำแหน่งมาเยอะแล้ว แม้กระทั่งเป็นพ่อที่มีลูก 25 คน การเมืองที่นี่ไม่มีแล้วระบบอุปถัมภ์ที่มีบ้านใหญ่เป็นเจ้าภาพ เพราะประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง ผมกลับมาในครั้งนี้ในวัย 60 ปีเพราะต้องการโอกาสที่เหลือเข้าไปเป็นตัวแทนของประชาชนชาวนราธิวาส”
สำหรับ ‘นายแพทย์ แวมาฮาดี แวดาโอะ’ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ‘หมอแว’ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนราธิวาส อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน อดีตผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายสากล ต่อมาได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2549 และได้รับการแต่งตั้งเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549
ข่าว.ซาการียา ดอเลาะ จ.นราธิวาส