ข่าวทั่วไปข่าวพาดหัวจับกุมตรวจสอบลักลอบทำผิดกฎหมาย

บุกจับนายทุนลาว ขบวนการมอดไม้รายใหญ่ ขยายผลจับ2 จังหวัด พร้อมของกลางไม้ประดู่แปรรูปขนาดใหญ่ เตรียมส่งออกนอกประเทศ

บุกจับนายทุนลาว ขบวนการมอดไม้รายใหญ่ ขยายผลจับ2 จังหวัด
พร้อมของกลางไม้ประดู่แปรรูปขนาดใหญ่ เตรียมส่งออกนอกประเทศ

บก.ปทส.,เจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.ปพ.กก.สส.ภ.5, เจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.ตชด.33 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทําการ จับกุมบุคคลพร้อมไม้หวงห้ามผิดกฎหมายซึ่งได้เข้าไปในป่าลักลอบตัดไม้ ทําไม้ผิดกฎหมายในเขตพื้นที่อําเภอ อมก๋อย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติออบหลวงจึงได้รายงานให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติออบหลวง ผู้บังคับบัญชา ทราบ และได้สั่งการให้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของรัฐดังกล่าวข้างต้นทําการสืบสวนหาข่าวและทําการจับกุมตัว ผู้กระทําความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย นั้น

วันที่ (4 พ.ค. 66) เวลาประมาณ 04.30 น. คณะเจ้าหน้าที่ดังกล่าวข้างต้นได้สนธิกําลังกันออกตรวจ ลาดตระเวนในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง เมื่อตรวจมาถึงบริเวณถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 (เชียงใหม่ – แม่สะเรียง) ระหว่างกิโลเมตรที่ 109 – 110 ท้องที่หมู่ 1 ตําบลหางดง อําเภอฮอด จังหวัด เชียงใหม่ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติออบหลวง และได้ทําการจับกุมตัวนายพันธรักษ์ ใจหาญ อายุ 35 ปี ที่อยู่ตามบัตรเลขที่ 6 หมู่ที่ 7 ตําบลแม่นาจร อําเภอแม่ แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ และนายอนุชาติ ใจหาญ อายุ 35 ปี ที่อยู่ตามบัตรเลขที่ 50 หมู่ที่ 7 ตําบลแม่นาจร อําเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมของกลางดําเนินคดี ที่สถานีตํารวจภูธรฮอด จว.เชียงใหม่ ตามกฎหมายไปแล้ว นั้น

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.ปพ.บก.สส.ภ.5 (ศปทส.ภ.5) และเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.4 บก.ปทส. ได้ทําการขยายผลในคดีดังกล่าวข้างต้นเพื่อสืบสวนติดตามจับกุมบุคคลที่เป็นตัวการ หรือบุคคลอื่นที่เป็นนายทุน หรือผู้ร่วมกระทําความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งในกระบวนการทําไม้ ค้าไม้หวงห้ามมีค่าทางเศรษกิจครั้งนี้ นั้นกระทําการเป็นขบวนการ เจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.ปพ.บก.สส.ภ.5 (ศปทส.ภ.5), เจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.4 บก.ปทส., เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ได้ร่วมกันสืบสวน ปราบปรามและทําการจับกุมบุคคลผู้กระทําความผิดที่อยู่ในกระบวนการค้าไม้ผิดกฎหมายนั้น ทราบว่ามีบุคคล ต่างชาติเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทําความผิดกฎหมาย โดยมีนายทุนที่เป็นบุคคลจากประเทศสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว, สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นนายทุนและอยู่ เบื้องหลังในการกระทําความผิด เจ้าหน้าที่ตํารวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องข้างต้น จึงให้นายพันธรักษ์ ใจหาญ ติดต่อกับนายทุนหรือผู้ว่าจ้างชัก ลากไม้/ผู้สั่งซื้อไม้ผิดกฎหมายของกลาง ซึ่งทราบในเวลาต่อมาคือนายขันทอง แสนทะแก้ว ( MR.KHANTHONG SENTHAKEO) โดยติดต่อสื่อสารกันผ่านแอพพิเคชั่นโซเชี่ยลมีเดี่ย (ไลน์) โดยมีเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.ปพ.บก.สส.ภ. 5, เจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.4 บก.ปทส.,เจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.ตชด.33 และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง เดินทางมาด้วยและอยู่ภายในการควบคุม ซึ่งนายขันทอง แสนทะแก้ว ( MR.KHANTHONG SENTHAKEO) นัด หมายให้นายพันธ์รักษ์ฯ นําไม้มาส่งให้กับตนที่บริเวณป่าด้านหน้าสวนลําไยที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อนายพันธ์รักษ์ฯ ขับขี่ รถบรรทุกไม้มาถึงบริเวณดังกล่าวแล้วพบมีชายฉกรรจ์ จํานวน 1 คน ยืนรอชี้จุดลงไม้อยู่บริเวณด้านหน้าประตู ทางเข้าไปในสวนลําไยที่เกิดเหตุ ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือนายนิวัตร อะโนศักดิ์ อายุ 58 ปี ที่อยู่ตามบัตรเลขที่ 63/9 หมู่ 6 ต.ป่าสัก อ.เมืองลําพูน จว.ลําพูน เจ้าของสวนลําไยนายพันธ์รักษ์ฯไดแกล้งจากรถบรรทุกไม้ไปพบกับนายนิวัตรฯเจ้าหน้าที่จึงลงไปแสดงตัวและเข้า ไปทําการจับกุมตัวนายนิวัตรฯ ไว้ได้ เจ้าหน้าที่สอบถามนายนิวัตรฯ ว่าไม้หวงห้าม (ท่อน) ผิดกฎหมายซึ่งบรรทุก อยู่บนรถของนายพันธ์รักษ์ฯ นั้นเป็นของผู้ใดอย่างไร นายนิวัตรฯ ให้การว่า “ตนเป็นเจ้าของสวนลําไยที่เกิดเหตุ
และเป็นผู้รับจ้างขนไม้ลงจากรถบรรทุกไม้ทุกคันที่นําไม้มาส่งให้แก่นายทุน (นายขันทองฯ)” ซึ่งขณะนั้นไม่พบตัว อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สอบถามนายนิวัตรฯ กับนายพันธ์รักษ์ฯ ว่า “ตนสามารถติดต่อกับนายขันทองฯ ได้หรือไม่ อย่างไร” นายนิวัตรฯ อธิบายชี้แจงว่า “ตนติดต่อกับนายขันทองฯ เจ้าของไม้และผู้ว่าจ้างตนได้ ซึ่งตน รู้จักคุ้ยเคยและติดต่อคบหาสมาคบทําธุรกิจกันเป็นจํานวนหลายครั้งแล้ว ในการนี้นายขันทองฯ ก็สั่งการให้ตนมา ยกไม้ลง” นายนิวัตรฯ ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่า หากตนให้การที่เป็นประโยชน์สามารถจับกุมตัวนายทุนได้ตนจะ ได้ลดโทษตามกฎหมายโดยขอให้เจ้าหน้าที่กันตนไว้เป็นพยานในคดี

 

ในการนี้ นายนิวัตรฯ ได้วีดีโอแชตทางไลน์ติดต่อนายขันทองฯ ว่า “นายพันธ์รักษ์ฯ คนขับรถบรรทุกไม้ ได้นําไม้มาส่งให้แล้วมีความประสงค์จะขอเงินค่าจ้างชักลากไม้เพื่อจะนําเงินไปเติมน้ํามันรถ ซึ่งนายขันทองฯ ได้นัดหมายให้นายนิวัตรฯ ไปหาตนที่โรงแรม S HOTEL เลขที่ 112 หมู่ 18 ต.ป่าสัก อ.เมืองลําพูน จว.ลําพูน ในการนี้เจ้าหน้าที่ชุดแฝงตัวได้เดินทางไปกับนายนิวัตรฯด้วยเมื่อเดินทางไปถึงลานจอดรถของโรงแรมดังกล่าว แล้ว ปรากฏว่า นายขันทองฯ ได้ลงมาจากที่พักในโรงแรมและมาพบกับนายนิวัตรฯ และได้มอบเงินสดจํานวน หนึ่งให้แก่นายนิวัตรฯ เจ้าหน้าที่เห็นว่าการส่งมอบเงินกันระหว่างบุคคลทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ชุด แฝงตัวได้ลงมาจากรถ แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ นายนิวัตรฯ ได้ส่งมอบเงินสดดังกล่าวให้แก่เจ้าหน้าที่ตํารวจ ซึ่งเป็นธนบัตรรัฐบาลไทย จํานวน 6 ฉบับ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,000.-บาท
เจ้าหน้าที่ได้แจ้งสิทธิ์ตามที่กฎหมายบัญญัติให้แก่นายขันทองฯ ทราบแล้ว นายขันทองฯ ซึ่งเป็น บุคคลต่างด้าว เชื้อชาติลาว สัญชาติลาว สามารถพูด ฟัง และสื่อสารภาไทยได้เป็นอย่างดี ทราบสิทธิ์ของตนตาม กฎหมายของประเทสไทยแล้ว นายขันทองฯ ได้อธิบายชี้แจงว่า “ตนเองประกอบอาชีพค้าไม้ที่ประเทศลาวและ ประเทศไทยเป็นระยะเวลาประมาณ 1 – 2 ปี ) ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพยานหลักฐานหนังสือเดินทางเข้า-ออก ประเทศไทยพบว่า นายขันทองฯ ได้เดินทางเข้า -ออก มาในราชอาณาจักรไทยตั้งแต่ปี ค.ศ 2018 ล่าสุดเดินทาง เข้ามาในราชอาชอาณาจักรไทยผ่านเขตแดนช่องทาง ด่าน ตม.6 (หนองคาย) เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2566 (รายละเอียดปรากฏตามหนังสือเดินทาง)
นายขันทองฯ ให้การยอมรับต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตํารวจว่า “ไม้ท่อนที่อยู่บนรถยนต์ของนายพันธ์ รักษ์ฯ ตนได้ทําการติดต่อซื้อขายไม้ผ่านโซเชี่ยลมิเดีย (เฟสบุ๊ค) กับนายพันธ์รักษ์ฯ โดยมีข้อตกลงร่วมกันว่าให้นํา ไม้มาส่งให้แก่ตนเองตรวจดูก่อนจะตกลงราคาซื้อขายกัน ซึ่งตนได้มอบเงินสดจํานวน 6,000.- บาท ให้แก่ นายนิวัตรฯ เพื่อนําไปเป็นเงินค่ารถขนไม้/บรรทุกไม้เป็นความสัตย์จริง” เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเห็นว่าในสวนลําไยที่ เกิดเหตุมีไม้ท่อนและไม้แปรรูปซุกซ่อนอยู่เป็นจํานวนมาก
เจ้าหน้าที่จึงพาผู้ต้องหาทั้งสองคนเดินทางไปยังสวนลําไยที่เกิดเหตุ เมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุแล้ว พบมีไม้ ท่อนและไม้แปรรูปวางกองอยู่เป็นจํานวนมาก นายนิวัตรฯ อธิบายชี้แจงว่า “ไม้ท่อนและไม้แปรรูปที่พบอยู่ บริเวณที่เกิดเหตุนั้น เป็นไม้ที่มีบุคคลต่าง ๆ ได้บรรทุกไม้ใส่รถยนต์บรรทุกนํามาจากสถานที่อื่น ๆ เมื่อมาถึงสวน ลําไยที่เกิดเหตุแล้ว ถ้ารถยนต์บรรทุกไม้เป็นรถรยนต์ส่วนบุคคลกระบะบรรทุก (ปิกอัพ) ตนจะเป็นผู้นําทาง รถบรรทุกไม้มาลง โดยได้รับเงินค่าจ้างเป็นเงิน 300 บาทต่อครั้ง ถ้ารถบรรทุกไม้ขนาดใหญ่ตนก็จะนํารถยนต์หก ล้อติดตั้งเครื่องทุ่นแรง (เครน) คันที่พบอยู่ในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นของตนยกไม้ลงวางกองรวมกันไว้ ซึ่งในแต่ละครั้ง ตนจะได้รับเงินค่าจ้างประมาณ 500 – 1,000 บาท ซึ่งในวันนี้ (4 พ.ค.66) มีรถยนต์ส่วนบุคคลกระบะบรรทุก ไม้ของนายพันธ์รักษ์ฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตํารวจได้ขยายผลการจับกุมโดยแฝงตัวมากับรถบรรทุกไม้คันดังกล่าวนั้น ในเคสนี้ตนยังไม่ได้รับเงินค่าว่าจ้างนําพาแต่อย่างใดก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน เป็นความจริง” นายนิวัตร์ และนายขันทองฯ นําคณะเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่กองไม้ฯ ภายในสวนลําไยที่เกิดเหตุ ซึ่งพบกองไม้ ท่อน กองไม้แปรรูป จํานวน 3 กอง อยู่บริเวณใกล้ๆ กัน พบรถยนต์บรรทุกหกล้อ ติดตั้งเครื่องทุ่นแรง (เครน) ยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า ทะเบียน 80-8850 ลําพูน จํานวน 1 คัน จอดอยู่ข้าง ๆ กับกองไม้ท่อน และกองไม้แปรรูป นาย นิวัตรฯ ชี้แจงว่า “รถบรรทุกคันดังกล่าวเป็นของตน แต่วันนี้รถเสียจึงไม่ได้ใช้การ”
นายขันทองฯ ให้การว่า “ไม้ท่อน จํานวน 1 กอง และไม้แปรรูป จํานวน 1 กอง ซึ่งกองอยู่ในสวน ลําไยใกล้ ๆ กับรถบรรทุกฯ เป็นไม้ของตน ซึ่งตนได้รับซื้อไม้ดังกล่าวต่อมาจากบุคคลอื่นในราคา 190,000.บาท (ไม้ท่อน จํานวน 4 ท่อน ตนซื้อมาในราคา 120,000 บาท และไม้แปรรูป จํานวน 30 แผ่น/เหลี่ยม ตนไดซ้ อ้ื ไม้ ต่อมาในราคา 70,000.- บาท ) ไม้ฯ ดังกล่าวมีบุคคลนํามาขายให้กับตนเมื่อประมาณวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งตนได้ว่าจ้างนายนิวัตรฯ เป็นผู้ขนไม้ลงมาจากรถบรรทุกซึ่งมีบุคคลอื่นนํามาส่งให้กับตนเป็นความจริง” ในการนี้ นายนิวัตรฯ ให้การว่า “ไม้ดังกล่าวเป็นของนายขันทองฯ และตนได้รับจ้างขนไม้ลงจากรถบรรทุกเป็น ความจริง” เจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูที่ไม้ท่อนพบมีชนิดไม้ประดู่ ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามอยู่ในรายการไม้หวงห้ามท้าย บัญชี กําหนดไม้หวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกากําหนด ไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530 ไม้ท่อนดังกล่าวมีสภาพใหม่ สด ดิบ มีเปลือกไม้ติด ตรวจดูที่หน้าตัดของไม้บริเวณหัวไม้ ปลายไม้ ไม่ปรากฎรูปรอยตราของพนักงานเจ้าหน้าที่ทาง ราชการ หรือรูปรอยตราอื่นใด ตี ตอก ประทับไว้ที่ไม้แต่อย่างใด และไม้ดังกล่าวไม่เคยผ่านการเป็นสิ่งปลูกสร้าง หรือเครื่องใช้อื่นใดมาก่อน ตรวจดูที่ไม้แปรรูปพบมีชนิดไม้ประดู่ ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามตามกฎหมายฯ ไม้ประดู่แปร รูปดังกล่าวมีขนาดโต หนา ผิดปกติวิสัยที่จะนําไปประกอบเป็นเครื่องโครงสร้างของบ้านเรือนแต่อย่างใด ไม้ประดู่ แปรรูปทั้งหมดมีสภาพใหม่ สด ดิบ ผิวเนื้อไม้เป็นลูกคลื่นผิวไม่เรียบ พบมีร่องรอยการแปรรูปด้วยเลื่อยโซ่ยนต์ ตรวจดูที่หน้าตัดของไม้บริเวณหัวไม้ ปลายไม้ ไม่ปรากฎรูปรอยตราของพนักงานเจ้าหน้าที่ทางราชการ หรือรูป รอยตราอื่นใด ตี ตอก ประทับไว้ที่ไม้แต่อย่างใด และไม้ดังกล่าวไม่เคยผ่านการเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้อื่น ใดมาก่อน บริเวณสวนลําไยที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงไม่พบว่ามีไม้ประดู่ขึ้นอยู่แต่อย่างใด ซึ่งไม้ดังกล่าวได้ แปรรูปมาจากไม้ท่อนขนาดใหญ่โดยแปรรูปไม้ตามขนาดความยาวของท่อนไม้ตามขนาดที่ต้องการ เจ้าหน้าที่ สอบถามนายขันทองฯ ว่าไม้ดังกล่าวทั้งหมดนี้นั้นตนมีพยานหลักฐานเอกสารการได้ซึ่งไม้หรือไม่ อย่างไร ในการ นี้นายขันทองฯ ไม่มีใบเบิกทางไม้ท่อน หรือใบเบิกทางหรือหนังสือกํากับที่ใช้แทนหนังสือกํากับไม้แปรรูปควบคุม กํากับไม้ฯ ดังกล่าวมาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ อีกทั้งไม่มีหนังสือรับรองไม้ฯ ใดๆ มาแสดงต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ได้ เจ้าหน้าที่สอบถามนายขันทองฯ และนายนิวัตรฯ ว่า ไม้ท่อนและไม้แปรรูปกองอื่นๆ ที่วางกองอยู่ ในสวนลําไยที่เกิดเหตุนอกเหนือจากไม้ท่อนและไม้แปรรูปของนายขันทองฯ แล้ว ไม้ฯ ดังกล่าวเป็นของบุคคลใด

ในชั้นจับกุมนายนิวัตร อะโนศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ 1 และนายขันทอง แสนทะแก้ว ผู้ต้องหาที่ 2 รับทราบข้อ กล่าวหาแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และได้แจ้งให้ญาติทราบถึงการจับกุมแล้ว
เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงาน สอบสวนสถานีตํารวจภูธรเหมืองจี้ จว.ลําพูน เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยมอบหมายให้ ร.ต.ท.ปกรณ์ ประพันธ์กุลรัตน์ รอง สว.กก.ปพ. ภ.5 เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ

ทีมตระเวนข่าว ทั่วไทยนิวส์ จ.เชียงใหม่ รายงาน / โทร.081-6888600