ทะเลาะวิวาท

ปัญหาโลกแตก หญิงวัย 49 ประธานชุมชนถูกหนุ่มลูกบ้านทำร้าย เรื่องที่จอดรถ

ปัญหาโลกแตก หญิงวัย 49 ประธานชุมชนถูกหนุ่มลูกบ้านทำร้าย เรื่องที่จอดรถ
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 13 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องทุกข์จาก นางสาวปาณัสม์ สีเทา อายุ 49 ปี ประธานชุมชน หมู่บ้านทรัพย์ดินทอง ร่วมใจ 3 ตำบลบางเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ว่าถูกหนุ่มลูกบ้านทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ หลังมีประเด็นกันเรื่องที่จอดรถภายในหมู่บ้าน


หลังรับเรื่องผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปพบกับ นางสาวปาณัสม์ ประธานชุมชน หมู่บ้านทรัพย์ดินทอง ร่วมใจ 3 โดยนางสาวปาณัสม์ ได้ชี้ให้ดูร่องรอยบาดแผล ที่บริเวณใบหน้าบวมช้ำแดง ลูกในตาแดงช้ำห่อเลือด บริเวณต้นแขนเป็นรอยช้ำขนาดใหญ่ หลังถูก หนุ่ม ลูกบ้านที่อยู่ซอยติดกันทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ บริเวณหน้าบ้านพักของตัวเอง ซึ่งอยู่ในซอยหมู่บ้านที่ดินทอง 4 ซอย 8 ซึ่งมีมูลเหตุมาจากเรื่องที่การจอดรถของหนุ่มลูกบ้าน จนบานปลายกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ ผู้เสียหาย ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ให้เอาผิดกับหนุ่มลูกบ้าน ที่มาร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ส่วน หนุ่มลูกบ้าน ก็โต้ว่าทางผู้เสียหายมาด่าพ่อตนเองก่อน แถมส่งท้ายว่า โดนแค่นี้ยังไม่พอหรือไง
โดยหลังเกิดเหตุ นางสาวปาณัสม์ ประธานชุมชน ได้โพสต์ เฟสบุ๊ค ส่วนตัว ระบายความในใจ // ว่า เวลา19.20 น วันที่12/5/66ข้าพเจ้าขอระบายความในใจของการเป็นประธานชุมชน หมู่บ้านทรัพย์ดินทอง ร่วมใจ 3 ซึ่งจะดูแลปกครองลูกบ้าน ซอย 14 และ 15 ของหมู่บ้านนี้ แต่วันนี้ได้เกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายข้าพเจ้าขึ้นมา เนื่องจากข้าพเจ้าไปแจ้งเกี่ยวกับที่จอดรถกับคู่กรณีซึ่งทำปัญหาให้กับคนบริเวณรอบบ้านเป็นประจำ ซึ่งบ้านรอบรอบบ้านของคู่กรณี พักอาศัย มีปัญหาอยู่ประมาณล็อคที่ 3 ข้าพเจ้าจะโดนร้องเรียนจากลูกบ้านเป็นประจำกับการส่งเสียงดัง นั่งกินเหล้า นั่งเล่น บริเวณถนนเป็นเวลาดึกดื่น และตั้งโต๊ะออกมานอกถนน ไม่เกรงใจใครและไม่หลบให้ใคร เป็นแหล่ง รวมพล ซึ่งบริเวณแถวนั้นได้จอดรถ แต่ละบ้านอยู่แล้ว บ้านคู่กรณี เลี้ยงสุนัขพันธุ์พิลบูลไว้ในบริเวณที่จอดรถ แต่นำรถตนเองไปจอดตามบริเวณอื่นๆ และหัวโค้ง ค่อนข้างที่จะสวนทางกันไม่ได้ ข้าพเจ้าซึ่งเป็นประธานชุมชนก็ได้เข้าไปแจ้งว่ารถสีทองใช่เราไหม คู่กรณีสวนกลับมาใช่ มีอะไรหรือเปล่า ข้าพเจ้ายังทันตอบ คู่กรณีก็สวนมาเลยบอกว่าจอดไม่ได้ไม่ใช่รถคนซอย 15 ข้าพเจ้าว่าใช่ ข้าพเจ้าคุยว่าพรุ่งนี้เดี๋ยวรถขยะเข้ามาอีก แต่วันนี้ จะมีลูกบ้านซอย 15 ซึ่งอยู่บริเวณแถวหัวโค้ง ญาติจะมาจอด ( มีการบอกกล่าวกันกับข้าพเจ้าเป็นประจำ ) บ้านข้าพเจ้าอยู่แถวนั้น เพราะแต่ก่อน เคยมีปัญหา หาเจ้าของรถไม่เจอ รถขยะ ไปไม่ได้ เป็นรถคนซอยอื่นมาเจอ ( เลยมีการพูดคุยกันไว้นานแล้วว่าให้ช่วยดันดูแลไม่ให้รถที่อื่นมาจอด เพื่อลดปัญหา ตามภายหลัง ) และ เคยคุยกับพี่ ๆๆ บริเวณแถวนั้นรับทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ไหนแต่ไรเรามีการตกลงกันไว้แล้วว่ารถของซอย 14 จะไม่จอดมาตรงซอย 15 และซอย 15 จะไม่จอดไปตรงซอย 14 ซึ่งเป็นข้อตกลงก่อนที่ข้าพเจ้าจะมาเป็นประธาน โดยคนซอย 14 เป็นตั้งกำหนดไว้เอง เพราะว่าเวลาเรียกหากันมันจะหายาก แค่บริเวณบ้านตรงโค้งและบริเวณแถวนั้นจะไม่ค่อยมีใครนำรถมาจอด เพราะทำให้รถอื่นไม่สามารถไปได้ กรณีถ้าเป็นรถที่ไม่คุ้น หรือญาติจะมาแจ้งข้าพเจ้าไว้ประจำของคนซอย 15 ถ้าช่วงไหนรถแปลกไม่คุ้นมาจอดกันหลายวัน จะมีการสอบถามกันแบบนี้จะประจำ ไม่เคยเกิดปัญหามาก่อน เพราะจะทราบกันดี และมีการบอกกล่าวกับคู่กรณีหลายครั้ง และเกิดเรื่องที่หายไปสักพัก กลับมาใหม่เกิดปัญหาประจำ และสำคัญบ้านของคู่กรณี ไม่ได้อยู่บริเวณนั้น ข้าพเจ้าก็เลยบอกว่าไปจอดที่อื่น และพูดว่าที่ข้าพเจ้าไม่ได้มาบอกก่อนหน้านี้เพราะ ข้าพเจ้าเห็นบอกว่า บริเวณแถวบ้านคู่กรณีได้มีการต่อเติมบ้านทำให้บริเวณนั้นไม่สะดวกในการจอดรถ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่วันนี้ ไปแยกกันตลอด รถบ้านซอย 15 มาจอดและรถขยะมาเข้านี่ มีปัญหาเดิมๆแบบนี้ประจำ ก็จะกลับมาอีกและน้องคู่กรณีก็มาทำหน้าตาเลียนแบบการพูดคุยของข้าพเจ้าเพื่อยั่วยุให้ข้าพเจ้าโมโหแต่ข้าพเจ้าไม่ได้มีการใช้ถ้อยคำด่าทอ ข้าพเจ้าแค่บอกว่า เห็นใจคนอื่นเค้าบ้างเรื่องที่จอดรถรถบ้านตัวเองอ่ะต้องหลายคันและตรงบริเวณบ้านตัวเองก็ไม่ได้จอดไปจอดหน้าบ้านคนอื่นคนอื่นความเกรงใจมีกันบ้างไหมข้าพเจ้าก็เลยพูดแบบนี้แกใจคนอื่นเค้าบ้างคู่กรณีก็จะถามว่าทำไมทำไมแถวทำไมไม่มาบอกคู่กรณี ที่เค้าไม่มาแจ้งเพราะว่าคู่กรณีเป็นแบบนี้ ก็เลยมาแจ้งข้าพเจ้าซึ่งเป็นประธานชุมชนให้มาช่วยจัดการให้เพื่อลดปัญหาในการทะเลาะวิวาทกันลงเพราะว่าบริเวณของบ้านคู่กรณีไม่เคยมีความเกรงใจใครเลยไม่ว่าจะรถนักเรียนหรือว่ารถอะไรก็สวนกันยากและ จนคนตายแถวนั้นหรือรถที่มาแถวแถวนั้นเค้าเอื้อมละอากันหมดแล้วแล้วก็มีการโต้เถียงกันสักพักและจะมาต่อยแล้วจะต่อยข้าพเจ้าตั้งแต่หน้าบ้านของคู่กรณีแล้วเดินเข้าหาข้าพเจ้าหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้ลงมือจนข้าพเจ้าขับรถกลับมาบ้านแล้วคู่กรณีก็ได้ตามมาแต่คู่กรณีไปพักราวตากผ้าแล้วก็โต้เถียงข้าพเจ้าว่าทำไมที่ราวตากผ้าบ้านมึงยังเอามาวางได้และกระถางต้นไม้อีก ข้าพเจ้าก็เลยตอบไปว่าพี่เอาราวตากผ้ามาไว้เพราะถ้าไม่เอามาไว้ก็จะมีรถมาจอดแล้วทำให้รถ คันอื่นๆไม่สามารถไปได้และส่วนกระเถาวต้นไม้ เอามาไว้กาลเวลารถที่วิ่งเร็ว ตรงบริเวณหัวโค้งซึ่งชาวบ้านแถวนั้นก็เห็นดีด้วยเผื่อ รถจะได้ชะลอความเร็วลงเพราะไม่ได้มีสัญลักษณ์หรือกระจกมองโค้งให้รถเห็นอีกฝ่ายในการสวนกันซึ่งก็เป็นแบบนี้มานานกันแล้วซึ่งชาวบ้านแถวนั้นก็ได้ทราบกันดีอยู่แล้วข้าพเจ้าเคยเอาให้แล้วแต่ลูกบ้านบอกว่าเอาไว้แบบนี้แหละดีแล้วเวลาออกมาออกกำลังกายจะได้เห็นต้นไม้อ่ะต้นไม้สวยสวยสดชื่น คู่กรณีก็เลยไม่พอใจก็เลยด่าทอข้าพเจ้าข้าพเจ้าก็เลยพูดว่าอย่ามาด่าข้าพเจ้าไม่มีสิทธิ์มาด่าคู่กรณีก็ขึ้นรถไปแต่รถคู่กรณีดันมาติดรถซาเล้งที่มาส่งน้ำบ้านข้าพเจ้าซึ่งพี่เค้าเป็นผู้หญิงก็กำลังจะขยับให้แต่คู่กรณีไม่พอใจก็เปิดประตูรถลงมาด่าทอข้าพเจ้าว่าแค่อีประธานชุมชน มึงใหญ่โตมาจากไหนลูกพี่มึงกูยังไม่กลัวเลยลูกพี่ผมเดินกุมไข่ก็หวันกูง้อง้อง้อง้อ ข้าพเจ้าก็เลยย้อนถามกลับไปว่าใครเป็นลูกพี่กู คู่กรณีก็เลยตอบว่ามึงไปหาคนที่ใหญ่กว่าลูกพี่มึงมาคุยกับกูเลยรู้มั้ยว่าพ่อกูใหญ่พ่อกูเป็นใครข้าพเจ้าก็เลยถามกลับไปว่าแล้วพ่อมึงเป็นใครกูจะรู้จักหรอแล้วคู่กรณีก็พูดว่ามึงด่าพ่อกูหรอข้าพเจ้าก็เลยบอกว่าก็มึงถามกูว่าเพราะรู้มั้ยว่าพ่อกูเป็นใครข้าพเจ้าก็ตอบไปว่าก็กูไม่รู้ไงว่าพ่อมึงเป็นใครกูก็ถามมึงไงว่าพ่อมึงเป็นใครคู่กรณีก็เลยเดินอ้อมมาต่อยข้าพเจ้าแบบรัวรัว ตรงบริเวณหน้าบ้านข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีการสู้กับข้าพเจ้าก็หลบมันก็ตามมาต่อยข้าพเจ้าแบบรัวหมัดไปประมาณ 30 40 จนมีน้องบริเวณแถวนั้นบ้านใกล้เคียงข้าพเจ้าได้เข้ามาห้ามปรามคู่กรณีก็หยุดไปแป๊บนึงแล้วมันก็ด่าทอข้าพเจ้าอีกข้าพเจ้าก็ย้อนกลับมันต่อว่ามึงไม่มีสิทธิ์มาด่ากูมันก็เดินเข้ามาทำร้ายข้าพเจ้าด้วยการปล่อยแบบ รัวรัว อีกครั้งหนึ่งจนน้อง น้องข้างบ้านข้าพเจ้าได้ห้ามอีกครั้งหนึ่ง แตมคู่กรณีก็ไม่ยอม หยุดต่อยข้าพเจ้าและข้าพเจ้าเหลือไปเห็นลูกสาวคนกลางของข้าพเจ้าออกมาข้าพเจ้าก็เลยบอกให้ลูกสาวข้าพเจ้าเข้าไปในบ้านและลูกสาวข้าพเจ้าน่าจะบอกตาซึ่งเป็นคนแก่อายุประมาณ 70 ได้ออกมาห้ามปรามและตรง เข้าไปหาคู่กรณีและพูดว่าให้หยุดหยุดหยุดหยุดกันแยกย้ายแต่ข้าพเจ้าเห็นคู่กรณีกำลังจะเดินเข้ามาหาพ่อของข้าพเจ้าข้าพเจ้าก็เลยหยิบไม้ที่อยู่บริเวณแถวนั้นน่าจะเป็นไม้ไผ่ขึ้นมาและเดินเข้าหาคู่กรณีขอข้าพเจ้ากลัวคู่กรณีจะผักพ่อของข้าพเจ้าซึ่งเป็นคนแก่แล้วเดินไม่ค่อยไหวข้าพเจ้าได้นางไม้จะตีแต่น้องข้างบ้านตะโกน บอกข้าพเจ้าว่าอย่าไปทำร้ายเขาไม่ต้องไปตีเขาข้าพเจ้าก็เลยไม่ได้ตีกับคู่กรณีแค่ถือไม้ขู่ไว้ตามจะเดินใส่ข้าพเจ้าอีกข้าพเจ้าก็เลย ถือไม้ไว้ป้องกันตัวและทำท่าจะตี คู่กรณีรีบวิ่งขึ้นรถแล้วขับหนีออกไปและต่อมาคู่กรณีก็ได้มาทำการย้ายรถอีกคันนึงออกไปจากบริเวณนั้นข้าพเจ้าก็เลยให้ลูกสาวกลับไปดูว่าบ้านของคู่กรณีบ้านเลขที่เท่าไหร่และได้มีการโต้เถียงกันตามคลิปวิดีโอที่โพสต์แล้วมีการข่มขู่ข้าพเจ้า ซึ่งเป็นผู้หญิงและมีการขู่ข้าพเจ้าต่อหน้าว่าถ้าเจอข้างนอก หรือมึงเดินไปบ้านกูเลยมึงเจอกูจัดหนักแน่และมีการฝากลูกสาวข้าพเจ้ามาตามคลิปอีกถ้าข้าพเจ้าเป็นอะไรไปและลูกสาวของข้าพเจ้าหรือคนในครอบครัวของข้าพเจ้าโดนทำร้ายร่างกายหรือไม่ว่าจะกรณีใดใดข้าพเจ้าขอแจ้งความไว้กับ นายโจ้ อยู่ หมู่6 หมู่บ้านทรัพย์ดินทอง ตำบลบางเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ในข้อหาพยายามฆ่า นับจากบัดนี้เป็นต้นไปตามที่อยู่ปัจจุบันซึ่งคู่กรณีพักอาศัยอยู่ซึ่งเปิดเป็นร้านเกี่ยวกับการทำแอร์ในซอย 14 เป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานและข้าพเจ้าได้มีการไปแจ้งความ

ดำเนินคดีไว้ที โรงพักสมุทรปราการ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุและได้มีการไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล คิศรินทร์ และ ได้มีการนัดตรวจเกี่ยวกับตาในวันที่ 13 และวันพฤหัสพบคุณหมอที่ดูแลเนื่องคดีความต่อไป

 


นางสาวปาณัสม์ สีเทา อายุ 49 ปี ประธานชุมชน เล่าว่า ผู้ก่อเหตุจอดตรงทางเลี้ยว 3-4 คัน จนบางทีรถไม่สามารถเลี้ยวได้ จนมาเมื่อวาน ซึ่งเป็นที่วันเกิดเหตุ ได้มีลูกบ้านมาแจ้งตนจะมีญาติมาอยากจะขอที่จอดแถวที่เขาจอด ตนก็เลยรับปากและไปคุยกับเจ้าบ้านของผู้ก่อเหตุที่อยู่หัวมุมว่าบ้านหลังนี้เขาจะมีรถมาจอดรบกวนให้มาเอารถออกไปสักคันนึง ตนก็พูดคุยกับเขาดี ๆ เขาก็ว่าและขู่ตนว่าจะต่อย ก่อนจะทำหน้าล้อเลียน เลยเกิดการเถียงกัน แต่ตนไม่ได้ด่าเขาสักคำ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะรับปากว่าไปเลื่อนรถให้ จังหวะที่ตนกำลังกลับ ผู้ก่อเหตุก็ตามมา ก่อนจะลากลาวตากผ้ามาขวาง ตนก็หันไป เขาก็เถียงกับตนอีกว่าทำไมทีลาวตากผ้า และกระถางต้นไม้ได้ ทำไมเขาจอดไม่ได้ ตนก็เลยอธิบายไปว่าที่เขาเอามาตั้งไว้ เพราะชาวบ้านเขารู้กันว่าเอากันไว้เพื่อไม่ให้รถมาจอดช่วงกลางคืน ถ้าสมมุติเกิดเหตุไฟไหม้ กว่าจะหาบ้านเจอ คือเรากันไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินขึ้นมา ขณะผู้ก่อเหตุขยับรถน่าจะมาโดนรถซาเร้ง ก็จะเริ่มโวยวายและด่าตนอีก และเขาก็บอกอีกว่า “มึงรู้ไหมว่าพ่อกูใหญ่กว่าลูกพี่มึงอีก มึงรู้ไหมว่าพ่อกู้เป็นใคร” ตนก็ไม่รู้ว่าพอเขาเป็นใครตนก็เลยตอบกลับไปว่าพ่อมึงเป็นใครตนจะรู้ไหมเนี่ย จะเป็นใครก็เรื่องของพ่อมึงสิ เขาก็หาว่าตนด่าพ่อเขาอีก แล้วเขาก็เข้ามาต่อยตนรัว ๆ ประมาณ 20 ทีเลย ก่อนจะมีคนมาตะโกนให้เข้าเขาหยุด แต่เข้าไม่หยุด จนตนเห็นท่อนไม้ จึงหยิบมาและขู่ว่าจะตี เขาก็หยุด สักพักพ่อตนก็เดินออกมาตนจึงยกไม้ข้าง ๆ เพราะกลัวเขาจะเข้าไปทำร้ายพ่อตน ก่อนที่เข้าจะเดินกลับบ้านไป ตนจึงเดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก
**********************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ 099-3952894