ข่าวพาดหัวจับกุมลักลอบทำผิดกฎหมาย

“ตํารวจไซเบอร์” จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ คนร้ายทําหน้าที่ สาย 1 เพิ่มเติม ซึ่งได้หลอก ผู้เสียหายอ้างเป็นพนักงานFedEx มีพัสดุผิดกฎหมายตกค้างที่กรมศุลกากรพบมีผู้เสียหายรวมกว่า 145 ล้านบาท

“ตํารวจไซเบอร์” จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ คนร้ายทําหน้าที่ สาย 1 เพิ่มเติม ซึ่งได้หลอก ผู้เสียหายอ้างเป็นพนักงานFedEx มีพัสดุผิดกฎหมายตกค้างที่กรมศุลกากรพบมีผู้เสียหายรวมกว่า 145 ล้านบาท

 

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ , พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ดา้ นการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงประชาชนผ่าน ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นการกระทําที่ซ้ําเติมความเดือดร้อนของประชาชน


กองบัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ให้ความสําคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ได้กําชับสั่งการให้ทุกกองบังคับการในสังกัด เร่งดําเนินการ ปราบปรามจับกุมผู้กระทําผิดมาดําเนินคดีตามกฎหมาย โดยให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม และต่อเนื่อง
วันนี้ ( ๘ มิ.ย.๒๕66) เวลา ๐๗.๔๐ น. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อํานาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 , พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ , พ.ต.อ.ทํานุรัฐ คงม่ัน , พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บํารุงรัตนยศ , พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด , พ.ต.อ.ณัฐภณ จินตะนานุช รอง ผบก.สอท. 1 , พ.ต.อ.ภูมิสิษฐ์ ตั้งวิทย์เดชา ผกก.๒ บก.สอท.๑ และ พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จําหงษ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท. 1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าท่ีตํารวจท่ีเก่ียวข้อง ร่วมกันแถลงผลการจับกุม แก๊งคอลเซนเตอร์ องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ “แก๊งตึกประตู ดํา หน้าวัดตาด ปอยเปต” ที่ทําหน้าที่ สาย ๑ เพ่ิมอีก ๑ ราย โดยสรุปรายละเอียด ดังน้ี
สืบเน่ืองมาจากได้มีผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงอ้างว่าเป็นพนักงานบริษัทขนส่ง FedEx มีพัสดุผิดกฎหมายส่ง จากต่างประเทศติดที่กรมศุลาการ และทําผิดฐานฟอกเงิน จึงหลงเชื่อโอนเงินไปจํานวนหลายราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า ๑๔๕ ล้านบาท ซึ่งผู้ท่ีถูกหลอกลวงได้แจ้งความผ่านระบบการรับแจ้งความออนไลน์ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (www.thaipoliceonline.com) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตํารวจสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทําผิดมาดําเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมา เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดสืบสวนสอบสวน บก.สอท.1 จึงได้ทําการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่ง ได้ ยื่นคําร้องขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด และศาลได้อนุมัติหมายจับ จํานวนท้ังสิ้น ๕๘ หมายจับ ซง่ึ ผู้ต้องหาใน คดีน้ี ได้เป็นสมาชิกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยร่วมกันกระทําผิดมีจํานวนต้ังแต่ ๓ คนข้ึนไป ตกลงเข้า เป็นสมาชิกองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ได้กระทําผิดโดยใช้ระบบการโทรศัพท์มาหาเหยื่อ โดยวิธีการสุ่มโทร(VOIP) ไม่ระบุ เฉพาะเจาะจงว่าเป็นผู้ใด เพื่อหลอกลวงให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สิน อันเป็นความฐานฉ้อโกงประชาชน โดยการแสดงตนเป็นคนอื่น อันมี อัตราโทษจําคุกจําคุกตั้งแต่ ๖ เดือนถึง ๗ ปี ซึ่งพบการกระทําความผิดบางส่วนในราชอาณาจักรไทย และบางส่วนนอก ราชอาณาจักรไทย เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา อันเป็นสถานที่ตั้งทํางานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แบ่งหน้าที่กันทํางาน ลักษณะ เป็นขบวนการ พนักงานโทรศัพท์ ล่าม ผู้จัดหาพนักงานและสมุดบัญชีธนาคาร และหัวหน้าแก๊งผู้ควบคุมดูแลพนักงานคอลเซ็นเตอร์ จ่ายเงินค่าตอบแทนและมกีารหลอกผู้เสียหายสาย๑สาย๒และสาย๓เมื่อสมาชิกอั้งย่ีหรือซ่องโจรนั้นได้กระทําผิดและสมาชิก ที่อยู่ด้วยไม่ได้คัดค้านการกระทําผิดนั้น ย่อมถือว่าได้ร่วมกันกระทําความผิดฐานตัวการด้วยทุกคน ซึ่งมีอัตราโทษจําคุกตั้งแต่ ๔ ปี ถึง ๑๕ ปี และเงินของผู้เสียหายที่ผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ไปมีการโอน ยักย้าย จนไม่สามารถติดตามได้คืน ซ่ึงเป็นทรัพย์สินที่ ได้จากการกระทําผิดอันเป็นความผิดมูลฐานการฟอกเงิน ( นัยคําพิพากษาฎีกา ที่ 283/2565 )

ต่อมา วันนี้ (๘ มิ.ย.๒๕๖๖) เวลา ๐๗.๔๐ น. เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดสืบสวน บก.สอท.๑ ได้ทําการจับกุมตัวผู้ต้องหา จํานวน ๑ ราย ตามหมายจับศาลอาญาที่ ๑๐๙/256๖ ลงวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๖ ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการ แสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันเป็นอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจร , ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันโดย ทุจริตหรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยทําการจับกุม ได้ที่ บริเวณบ้านกําลังก่อสร้าง ในพื้นที่ ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จว.นนทบุรี ในเบื้องต้น ผู้ต้องหา ได้ให้การว่าถูกชักชวนให้ไป ทํางานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยเสนอเงินเดือนสูงเดือนละ ๓๐,๐๐๐ บาท หลงเชื่อจึงตกลงเดินทางไปทํางาน ดังกล่าว แต่สุดท้ายก็ได้รับเงินเดือนเพียงเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น โดยให้พักรวมกับคนร้ายอื่นๆ ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซง่ึ ประตูรั้วเป็นสีดํา มีกําแพงสูงล้อมรอบ และมักพบเห็นมีคนอื่นๆ พยามกระโดดหนีจากการควบคุมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากถูกจับ ได้จะถูกลงโทษโดยหัวหน้าชาวจีน ผู้ต้องหาได้รับมอบหมายให้ทําหน้าที่สาย ๑ คอยรับโทรศัพทเ์ป็นจํานวนมาก และจําไม่ได้ว่า คุยกับใครบ้าง เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.สอท.๑ ให้ดูรายชื่อเพื่อนร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนใหญ่จะถูกจับกุมดําเนินคดีเกือบทุก รายทผีู่้ต้องหารู้จักผู้ต้องหาทํางานแค่๓เดือนจึงได้หาเงินไถ่ตัวโดยจ่ายเงินให้หัวหน้าคนจีนจํานวน๓๐,๐๐๐บาทถึงได้ถูก ปล่อยตัว และเดินทางกลับมาประเทศไทย
ฝากไปยังประชาชนให้พึงระวังการหลอกลวงลักษณะดังกล่าว ต้องรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ ควรมีสติก่อนการโอนเงิน ทุกครั้ง ควรหาข้อมูลให้รอบด้าน อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ ควรตรวจสอบให้ดีก่อน “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” รวมทั้ง ผู้ที่สนใจสมัคร งานไปทํางานยังฝั่งเพอื่ นบ้าน อาจถูกหลอกลวง อาจถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือมีการทําร้ายร่างกายจากหัวหน้าแก๊งคนจีน อันตราย ถึงชีวิตก็ได้ จึงไม่ควรหลงเชื่อไปทํางานดังกล่าว ทั้งนี้ การปฏิบัติการของ บช.สอท. ยังคงมุ่งเน้นที่จะสนองนโยบายของรัฐบาล และ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ เร่งดําเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงบนสื่อสังคมออนไลน์อย่างจริงจัง และต่อเนื่องโดยบูรณาการร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยคํานึงถึงผลการปฏิบัติงานทเี่ป็นรูปธรรมคํานึงถึงความเดือดร้อน และอํานวยความยุติธรรมของประชาชนเป็นสําคัญ

หนวด ชี้ชัดเจาะลึก /รายงาน