เหยื่อ “ เสี่ยปอ เชียงราย “ โผล่เพิ่มอีก อดีตลูกน้องคนสนิทลั่นชอบอ้างรู้จัก “ บิ๊กโจ๊ก “ จนไม่กล้าเข้าแจ้งความ
โผล่อีกแล้ว น้องแอม ( นามสมมุติ ) อดีตลูกน้องคนสนิท ติดต่อผู้สื่อข่าว แฉ นำชื่อไปเปิดอินเตอร์เน็ตติดตั้ง ภายใน โซเฟียปาร์ค รีสอร์ตดังกลางเมืองเชียงราย แถมอ้างผู้ใหญ่หลายคนจนผู้เสียหายหลายคนกลัว
ความคืบหน้ากรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นิมิตรใหม่ ยื่นศาลอาญามีนบุรี ขออนุมัติหมายจับ นายสมทพ ( ขอสงวนนามสกุล ) หรือ เสี่ย ปอ อายุ 59 ปี ในคดี ฉ้อโกง เงินนักธุรกิจกว่า 3 ล้านบาท โดยอ้างว่าจะนำไปร่วมหุ้นบริษัทแล้วจะช่วยทำวีซ่า แต่สุดท้ายไม่ได้ทั้ง วีซ่าและเงินคืน กระทั่งมี เหยื่อทยอยออกมาเปิดโปงพฤติกรรมลวงโลก และให้ข้อมูลกับทีมข่าวทั่วไทยนิวส์ เป็นจำนวนมาก
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าว ลงพื้นที่ จ.ปทุมธานี เพื่อพบ น.ส.แอม (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี ที่ออกมาให้ข้อมูลว่า ตนเป็นอดีตลูกร้องคนสนิท ของเสี่ยปอ และที่น่าเสียใจ คือ น้องแอม ยังเป็น 1 ในกลุ่มผู้่เสียหายที่ถูก เสี่ยปอ ทำลายอนาคตจนทุกวันนี้ลำบากกันทั้งครอบครัว โดยหลอกใช้ชื่อไปทำธุรกรรมหลายอย่าง เช่น นำชื่อไปติดตั้งอินเตอร์เน็ตบ้าน ติดตั้งภายใน โซเฟียปาร์ค รีสอร์ท ของแม่เลี้ยงคนดังเมืองเชียงราย แถมยังนำชื่อ ไปซื้อโทรศัพท์มือถือ ไอโฟน 12 promax พร้อมซิมโทรศัพท์ โดยที่ตนไม่เคยทราบมาก่อน
ซ้ำยังถูกหลอกเอาเงินไปกว่า 1.8 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินเก็บไว้สำหรับดูแลลูก จำนวน 2 คน แถมยังหลอกเอาเงินของมารดาตนที่มีอาชีพทำนาข้าว บางส่วนมารดาของน้องแอม ก็ต้องไปกู้ ธกส. สุดท้ายเสียปอ เงียบหาย จนทำให้ตอนนี้ชีวิตตกระกำลำบากเป็นอย่างมาก และทำให้มารดาต้องตรอมใจจนมีอาการป่วยทุกครั้งที่ธนาคารส่งใบทวงหนี้มาที่บ้าน
น.ส.แอม เล่าว่า พบกับ เสี่ย ปอ เมื่อช่วงปี 2563 เป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่บ้านของเซียนพระรายหนึ่ง โดย เสี่ย ปอ เดินทางมาพร้อมกับคนสนิท ทำทีมาเช่าพระ ก่อนเข้ามาตีสนิทกับตนและชักชวนไปทำงานที่บริษัททองม้วน และ โซเฟียปาร์ค รีสอร์ท กลางเมืองเชียงราย ซึ่งตอนนั้น เสี่ยปอ ได้อวดอ้างว่า เป็นบริษัท และ รีสอร์ต ของเสี่ย ปอ โดยบอกว่า จะให้ตนทำงานในระดับตำแหน่ง กรรมการ ซึ่งตอนนั้นตนยอมรับว่า ดีใจที่จะได้ทำงานเพื่อนำเงินมาเลี้ยงมารดา และลูกน้องอีก 2 คน จึงตัดสินใจมาทำงานตามคำชักชวนของเสี่ยปอ โดยเสี่ยปอ แจ้งว่าจะให้เงินเดือนๆละ12,000 บาท ซึ่งตนดีใจมาก แต่เมื่อไปทำงานด้วยจริง กลับไม่ได้เงินตามที่พูด และไม่ได้ทำงานอะไรมากนัก ส่วนใหญ่ให้ตนเดินเรื่องเอกสาร ดูแลการเขียนสลิป การพูดไลฟ์สด รวมถึง ให้ติดต่อโปรแกรมเมอร์ หวังจะทำการพนันออนไลน์ กระทั่งโดนขอ บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมทั้งให้เซ็นต์รับรองสำเนาเอกสาร ทั้งบัตรประจำตัวประชาชน และ สำเนาทะเบียนบ้าน โดยเสี่ยปอ แจ้งว่าจะนำไปยื่นทำบัตรประกันสังคม ซึ่งการทำงาน ตนจะได้รับเงินค่าจ้าง ครั้งละ 1,000 – 2,000 บาท / 1 อาทิตย์ ซึ่งพอทำงานผ่านไปได้ 2 อาทิตย์ เสี่ยปอ ก็มาขอยืมเงิน ติดต่อกันแบบติดๆ โดยอ้างว่าหมุนเงินไม่ทัน และอ้างว่า หากได้เงินมาจากมาดาม แม่เลี้ยงคนดังเมืองเชียงราย ก็จะคืนเงินให้พร้อมดอกเบี้ย โดยยืมอยู่ตลอด ซึ่งเงินก้อนที่เสี่ยปอ ยืมเป็นเงินของมารดาของตนที่มีอาชีพทำนาข้าวมาทั้งชีวิต และยังไปกู้เพิ่มมาจาก ธนารคาร ธกส. มาให้เสี่ยปอ เพียงเพราะมารดาหวังจะฝากอนาคตการทำงานของลูกสาว ไว้กับเสี่ยปอ ที่อ้างเป็นเจ้าของ บริษัท และ เจ้าของรีสอร์ต ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองเชียงราย สุดท้ายเสี่ยปอ เบี้ยวเงินจนถึงทุกวันนี้ ระยะเวลา 2 ปีก็ยังไม่ได้คืน แถมเสี่ยปอ ยังบล๊อคทุกช่องทางในการติดต่อ ภายหลังจากครอบครัวตนเดือดร้อน ตนจึงเดินทางไปยัง แพเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแพริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขตตัวเมืองนครสวรรค์ โดยแพดังกล่าว เสี่ยปอ ได้ซื้อไว้ และ มอบหมายให้ นางสิ ภรรยา อีกคนของเสี่ยปอ คอยดูแลกิจการ ซึ่ง นางสิ ได้พูดจาไม่ดีใส่ และไม่รับผิดชอบ แถมลูกน้องเสี่ยปอ และ ตัวเสี่ยปอ ยังเคยข่มขู่ ตน ด้วยคำพูด ประมาณว่า ลูกปืนลูกเดียว ราคาไม่ถึง 50 บาท มันอาจจะทำให้ จบเรื่องราวลงได้ ตนจึงเกิดความกลัว และ ไม่กล้าไปทวงถามเรื่องเงินอีกเลย
จนต่อมา ได้มีเอกสารจากบริษัท ติดตามหนี้สินบริษัทหนึ่ง ได้ส่งเอกสารไปทวงถามยอดเงินติดค้าง เป็นค่าอินเตอร์เน็ตบ้าน จำนวนกว่า 34,000 บาท ที่มีชื่อตนเป็นคนขอติดตั้งให้ใช้ ภายใน โซเฟียปาร์ค รีสอร์ต จ.เชียงราย และ ยัง ใบติดตามทวงถามหนี้จาก การซื้อโทรศัพท์มือถือไอโฟน12 โปนแม็ก อีกด้วย จึงทำให้ตนตกใจมาก เพราะหลังจากตนออกมาจากการทำงานของ เสี่ยปอ 2 ปีตนไม่เคยใช้ชื่อตนไปซื้อโทรศัพท์ และ ไม่เคยใช้ชื่อไปติดตั้งอินเตอร์เน็ตบ้าน อย่างแน่นอน ตนจึงมั่นใจว่า เสี่ยปอ เป็นคนกระทำเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอน เพราะตนจำได้ว่า เสี่ยปอ เคยขอบัตรประจำตัวประชาชน ตัวจริง และ สำเนาบัตรประชาชน และ สำเนาทะเบียนบ้านไปจากตน ซึ่งจากการที่ตรวจสอบ พบว่าเป็นช่วงเวลา ใกล้เคียงกันกับการติดตั้งอินเตอร์เน็ต ภายในโซเฟียปาร์ค รีสอร์ต จ.เชียงราย
และก่อนหน้านี้ ตนได้เห็นข่าว ที่นำเสนอว่า เสี่ยปอ ถูกออกหมายจับ ตนจึงติดต่อมาร้องผู้สื่อข่าวเพจ ทั่วไทยนิวส์ เพื่อให้ข้อมูลและให้ช่วยพามาแจ้งความดำเนินคดีกับเสี่ยปอ ในครั้งนี้
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวทั่วไทยนิวส์ ได้ตรวจสอบไปยัง ระบบข้อมูลของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อตรวจสอบ บริษัททองม้วน ของ เสี่ย ปอ ที่จดจัดตั้ง โดยพบว่ามีการ จดทะเบียนขึ้นจริง เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 สถานะดำเนินกิจการ ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประกอบกิจการ การขายส่งอาหารเครื่องดื่มและยาสูบโดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง
และมีผู้ถือหุ้น 6 คน ซึ่งในจำนวนนี้ ปรากฎชื่อ นักธุรกิจต่างชาติ ที่เป็นผู้เสียหายที่ก่อนหน้านี้ ออกมาแจ้งความดำเนินคดีกับ เสี่ยปอ จนตำรวจ สน. นิมิตรใหม่ ได้ออกหมายจับ มีชื่อรวมอยู่ด้วย
แต่สิ่งที่น่าสังเกต คือ ไม่ปรากฎข้อมูล ส่งงบการเงินตั้งแต่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
ต่อมา ทีมข่าวทั่วไทยนิวส์ ได้ตรวจสอบ ระบบข้อมูลของ สำนักงานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. เนื่องจาก บริษัทของ เสี่ย ปอ จดทะเบียนในลักษณะ มหาชน จำกัด พบว่า ไม่ปรากฎข้อมูลในส่วนของ กลต.
ส่วนที่ตั้งของบริษัท ของเสี่ย ปอ พบว่า ตั้งอยู่ย่านสีลม เขตบางรัก กทม. เป็น อาคารพาณิชย์ 1 คูหา สูง 5 ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นบริษัททัวร์ แต่ปิดประตูเลื่อนลงมาคล้ายไม่เปิดทำการ
ชาวบ้านละแวกดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า บริษัทนี้เคยเห็นคน เข้า-ออก ไม่เกิน 3 คน แต่ทำกิจการใดก็ไม่มีใครทราบ เพราะคน เข้า-ออก มาแค่ไม่นาน ก็กลับ บางครั้งมาประมาณ 15.00 น. แล้ว 16.00 น. ก็ปิดด้านหน้า
ต่อมา เวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 14 มิถุนายน 2566 น้องแอม ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความเอาผิดคดีอาญา กับเสี่ยปอ ที่ สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และจะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเองและ ครอบครัว เนื่องจากการกระทำของ เสี่ยปอ ทำให้ตนเสียหายอย่างหนัก ทั้งต้องมาเสียเครดิตบูโร อับอายชาวบ้านที่ต้องมารับรู้เรื่องใบทวงถามหนี้สินจำนวนมาก ซึ่งน้องแอม เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเกิดความกลัวมากๆ เพราะก่อนหน้านี้ ที่ตนเคยทำงานกับเสี่ยปอ เสี่ยปอ จะคุยอ้างกับตน และลูกน้องคนอื่น รวมถึงมาดามโซเฟีย อยู่เสมอว่า รู้จักกับ บิ๊กโจ๊ก ( ตนและคนอื่นเชื่อว่า บิ๊กโจ๊ก คือ รอง ผบ.ตร. ) และ บิ๊กปัอม และสามารถเข้าไปในรัฐสภา เพื่อไปหาบิ๊กต่างๆ ที่อ้างไว้ได้
หลังแจ้งความเสร็จ น้องแอม กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนกลับว่า ตนห่วงเรื่องความปลอดภัยในครอบครัว ห่วงแม่ เพราะเสี่ยปอ และลูกน้องที่เสี่ยปอ เลี้ยงนักเลงไว้หลายสิบคน รู้จักบ้านแม่ของตนที่จังหวัดนครสวรรค์ ตนจึงอยากฝากถึง “ ท่านบิ๊กโจ๊ก “ ให้ช่วยตามจับ เสี่ยปอ เพราะมีหมายจับ และอยากให้ ท่านบิ๊กโจ๊ก ช่วยมาดูคดีนี้ เพราะ เสี่ยปอ หลวงลวงคนไว้เยอะมาก ทั้งคนไทย คนไทยใหญ่ และ คนจากฝั่งลาว ตอนนี้มีผู้เสียหาย เริ่มออกมาแจ้งความบ้างแล้วจำนวนหลายราย ซึ่งทีมข่าวทั่วไทยนิวส์ จะได้ติดตามเรื่องนี้ ต่อไป
พระเอก ทั่วไทยนิวส์ / ทีมตระเวนข่าวเฉพาะกิจ รายงาน