ข่าวพาดหัวตรวจสอบทุกข์ชาวบ้าน

สาวไทยร้อง “ สายไหมต้องรอด “ เสี่ยปอ คนดังเมืองเชียงราย หลอกเงินสามีชาวต่างชาติไปกว่า 3 ล้าน

สาวไทยร้อง “ สายไหมต้องรอด “ เสี่ยปอ คนดังเมืองเชียงราย หลอกเงินสามีชาวต่างชาติไปกว่า 3 ล้าน

สาวชาวไทยเดือด บุกร้องเพจ สายไหมต้องรอด สาเหตุเสี่ยคนดังเมืองเชียงราย หลอกเงิน จนเป็นคดีความ ตำรวจออกหมายจับ แต่ยังไม่ถูกจับกุม ทั้งที่มีหมายจับ แต่ยังลอยหน้ากินหรูอยู่สบายภายในรีสอร์ต ของแม่เลี้ยงใหญ่กลางเมืองเชียงราย ได้อย่างสบาย อดีตพนักงานคนสนิทให้ข้อมูลเสี่ยปอ อ้างรู้จักบิ๊กโจ๊ก !

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา 15 มิถุนายน 2566 ผู้เสียหายเป็นภรรยาของชาวสิงคโปร์ เดินทางเข้ามาพบ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั่งเพจ” สายไหมต้องรอด “ เพื่อให้ช่วยติดตามความคืบหน้าทางคดี หลังถูกเสียปอ เสี่ยชื่อดังใน จ.เชียงรายใช้กลอุบายหลอกเงินไปกว่า 3 ล้านบาท ก่อนหนีหาย ซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดี จนมีการออกหมายจับแต่เจ้าตัวยังคงลอยนวล อยู่ในเชียงราย โดยสาวไทยคนดังกล่าวเกรงว่าครอบครัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย เพราะเสี่ยปอ เป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่เชียงราย

นายเอกภพ ได้กล่าวว่าวันนี้ผู้เสียหายซึ่งเป็นภรรยาของชาวสิงคโปร์ เดินทางมาร้องเพจสายไหมต้องรอดว่า ถูกเสี่ยปอ คนดังในจังหวัดเชียงราย หลอกโดยการนำพระเครื่องมาให้เพื่อสร้างความสนิทสนมก่อนจะใช้อุบายในการหลอกเอาเงินไปกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้แล้วที่สน.นิมิตรใหม่ และพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงไปแล้ว ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 แต่ก็ยังไม่ได้มีการจับกุมแต่อย่างใด และผู้ต้องหารยังคงมีพฤติกรรมในการหลอกลวงเช่นนี้ต่อ ผผู้เสียหายจึงเดินทางเข้ามาขอให้ช่วยติดตามเร่งรัดให้มีการจับกุมมาดำเนินคดี ซึ่งผู้ต้องหายังคงหลบหนีอยู่ซึ่งผู้เสียหายคาดว่าน่าจะไปหลบซ่อนตัวอยู่กับ แม่เลี้ยงใหญ่เมืองเชียงราย ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ หลายหน่วยงานไม่กล้าเข้าไปยุ่งในพื้นที่
ในส่วนนี้ขอยืนยันว่าใครก็ตามที่อยู่ในประเทศไทยที่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันคงไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายไปได้ ถ้าหมายจับออกตำรวจเจอก็ต้องจับถ้าไม่จับก็โดนละเว้นการปฎิบัติหน้าที่อย่างแน่นอน

น.ส.น้ำ ( นามสมมุติ ) ผู้เสียหายเล่าว่า ตอนแรกเสี่ยปอ มีการเข้ามาตีสนิทตนและสามี โดยภายหลัง เสี่ยปอได้มีการนำพระสมเด็จมาให้ตนและสามีโดยอ้างว่าบูชาแล้วจะดีอย่างนั้นอย่างนี้โดยไม่ได้เป็นการนำมาขายมีหรือเรียกเงินใดๆเป็นการนำมาให้เฉยๆ เพื่อสร้างความน่าเขื่อถือเพราะตนเข้าใจว่าการเอาพระซึ่งน่าจะมีมูลค่าสูงมาให้โดยไม่หวังอะไรคนให้ด้วยความจริงใจ กระทั่งไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ สามีตนเองต้องทำวีซ่าเพื่อรับรองบุตรซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกันธรรมดา แต่ผู้เสียหายอ้างว่าจะดำเนินการให้เพราะมีบริษัทที่จะสามารถเอาชื่อสามีไปใส่เพื่อจะได้ไม่ต้องต่อวีซ่ารายปี และมีการส่งเอกสารเปลี่ยนชื่อจนมีชื่อสามีเข้าไปอยู่ในบริษัทของเสี่ยปอ ได้จริงๆ ตอนนั้นเขาอ้างว่าการดำเนินการเรื่องวีซ่ายังไม่สำเร็จจะต้องโอนเงินเข้าบริษัท เพื่อแสดงตัวว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่ โดยเสี่ยปอ หลอกให้โอนจำนวน 2 ครั้ง เป็นเงินรวม 3 ล้านบาท ซึ่งมีการตกลงกันว่าหสดได้วีซ่าก็จะนำเงินส่วนนี้มาคืน ก่อนที่จะหายตัวไป และเมื่อทวงถามไปก็ไม่ตอบ ซึ่งในตอนนี้สามีของตน กลัวว่า เสี่ยปอ จะเอาบริษัทที่มีชื่อสามี เป็นคณะกรรมการบริษัทไปทำอะไรไม่ดี ซึ่งอาจจะมีผลกระทบกับสามีในระยะยาว จนเวลาล่วงเลยมานานเกินไปจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดี

โดยที่ผ่านมา เสี่ยปอ เคยพาตนและ สามีไปรีสอร์ทแห่งหนึ่ง เขตหนองปั๋ง ตัวเมืองจังหวัดเชียงราย ซึ่งอ้างว่าเขาเป็นเจ้าของ และดูแลเราอย่างดีจนทำให้เราเชื่อมั่นสุดท้ายก็ถูกหลอก แต่ตอนนี้กังวลในเรื่องความปลอดภัยเพราะ 2 วันก่อน มี รปภ.หมู่บ้านโทรมา บอกว่ามีผู้ชาย 2 คนซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอพบ และได้ขับรถจักรยานยนต์มาวนเวียนแถวบ้าน เท่าที่ทราบเขาน่าจะมีอิทธิพลพอสมควรจึงสามารถสั่งการตำรวจให้มาวนก่อกวนคุกคาม แถมยังไม่ถูกจับอีกด้วย

นายเอกภพ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะประสานไปยังพล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้ช่วงลงมาดูเคสนี้เนื่องจาผู้ก่อเหตุมีการกระทำผิด ที่หลอกลวงชาวต่างชาติซึ่งทำให้ประเทศไทยเกิดความเสียหาย

ส่วนเรื่องที่มีคนอ้างว่าเป็นตำรวจบุกเข้าไปภายในหมู่บ้านของผู้เสียหาย
ก็คงต้องตรวจสอบ หากมีการส่งตำรวจมาจริงก็จะมีความผิดฐานคุกคาม ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดา หรือเจ้าหน้าที่รัฐ การที่จะไปหาใครต้องมีความชัดเจนมากว่านี้ไม่ใช่ใส่ชุดดำมาเฝ้าแบบนี้

ทั้งนี้เมื่อวานนี้ ( 14 มิ.ย. ) มีอดีตพนักงานคนสนิทของเสี่ยปอ ได้เดินทางมาพร้อมกับสื่อมวลชน ในจ.เชียงราย ( ทั่วไทยนิวส์ ) เพื่อร้องเรียนกับทางเพจด้วยเช่นกัน ซึ่งตนได้แนะนำให้ไปแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน ซึ่งอดีตพนักงานคนนี้มีข้อมูลมากพอสมควร น่าจะเป็นประโยชน์ในทางคดีอย่างมาก และอดีตพนักงานคนนี้ยังถูกเสี่ยปอ หลอกเอาเงินไป โดยอ้างยืมมาลงทุนธุระกิจ แต่ในวันนี้ อดีตพนักงานคนนี้ก็ไม่กล้ามาพบ ทราบว่าถูกข่มขู่ไม่ให้มาพบจนเกิดความกลัว

อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่าทางผู้สื่อข่าวทั่วไทยนิวส์ ผู้ที่พาผู้เสียหายเข้ามาร้องวานนี้ ถูกคนปริศนา และ อดีตพนักงานสาวโทรเข้ามาขอให้ลบคลิปข่าวที่ได้นำเสนอ ข่าว ทั่วไทยนิวส์ ออนไลน์ ออกไปและมีการแชร์ตามสื่อต่างๆในภาคเหนือ ซึ่งมีการให้ลบคลิปข่าวออก ซึ่งระบุว่าไม่ได้อนุญาตให้นำคลิป ไปเสนอข่าวทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ อดีตพนักงานสาวคนดังกล่าวก็เป็นผู้ให้ข้อมูลเองในการบันทึกคลิปวีดีโอ
ซึ่งผู้สื่อข่าวก็จะติดตามในเรื่องนี้ต่อไป

พระเอก ภูธร / ผู้สื่อข่าวทั่วไทยนิวส์ รายงาน