ข่าวทั่วไป

เจ้าของบ้านไม่อยู่ ไฟไหม้เฉยเลย ชาวบ้านวิ่งวุ่นช่วยกันระงับเหตุ ย่านประชาอุทิศ

เจ้าของบ้านไม่อยู่ ไฟไหม้เฉยเลย ชาวบ้านวิ่งวุ่นช่วยกันระงับเหตุ ย่านประชาอุทิศ

วันที่ 28 มิถุนายน 2566 เวลา 09.55 น.

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งจากสายด่วน 199มีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในซอยประชาอุทิศ 54 แยก 4-2 จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสาน เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยทุ่งครุ พร้อมอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ( อปพร.) เขต ราษฎร์บูรณะ เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

เมื่อเจ้าหน้าที่พร้อมอาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุพบเหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 249/129 ซอย ประชาอุทิศ 54 แยก 4-2 ถนน ประชาอุทิศ แขวง บางมด เขต ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เป็นลักษณะบ้านทาวเฮ้าส์ 2 ชั้น ปลูกติดกันหลายหลัง ภายในบ้านหลังดังกล่าวพบแสงเพลิงและกลุ่มควันจำนวนมากเกิดขึ้นบริเวณขั้นล่างของตัวบ้าน และภายในบ้านไม่มีคนอยู่คาดว่าจะไปทำงานกันหมด ประตูบ้านและประตูรั้วถูกล๊อกจากด้านนอก ชาวบ้านและอาสาสมัคร จึงตัดสินใจงัดกุญแจ เข้าไปด้านในเพื่อทำการระงับเหตุ ใช้เวลา 20 นาที จึงระงับเหตุการณ์ดังกล่าวเอาไว้ได้ จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยรอบไม่พบผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว พบความเสียหายแค่บริเวณชั้นล่างภายในบ้าน มีพัดลมเพดาล และชั้นวางหนังสือไหม้เสียหายทั้งหมด ส่วนโซฟาและทรัพย์สินอย่างอื่นได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

จากการสอบถาม ชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงบ้านหลังเกิดเหตุบอกเล่าว่าตนเองได้กลิ่นเหม็นไหม้โชยมาแต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนจึงไปบอกจักรยานยนต์รับจ้างที่จอดตั้งวินอยู่บริเวณหน้าปากซอยทางเข้าให้ช่วยกันหาว่ากลิ่นเหม็นไหม้มาจากไหน จนมาพบว่ามีเหตุไฟไหม้บ้านหลังดังกล่าวจึงรับแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้มาช่วยเหลือทันที

จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวอยู่ในที่เกิดเหตุคาดว่าจะไปทำงานนอกบ้าน และจากการสอบถามคนข้างบ้านต่างก็บอกกันว่าบ้านหลังนี้ปรกติจะอยู่กันแค่ 2 คน เพิ่งจะย้ายมาอยู่ได้ประมาณ 2-3 เดือน ตอนที่เกิดเหตุเจ้าของบ้านน่าจะออกไปทำงานคงจะยังไม่รู้ว่าบ้านตนเองเกิดเหตุไฟไหม้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าวเอาไว้ก่อนเพื่อรอเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบสาเหตุอีกครั้งและจะเร่งติดตามเจ้าของบ้านมาสอบถามเพิ่มเติมถึงกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวก่อนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.