ข่าวทั่วไปข่าวพาดหัว

นราธิวา – นาวิกส่งมนุษย์กบดำน้ำฟื้นฟูท้องทะเลเกาะเล่าปี่ซึ่งเป็นเกาะในตำนาน

นราธิวา/นาวิกส่งมนุษย์กบดำน้ำฟื้นฟูท้องทะเลเกาะเล่าปี่ซึ่งเป็นเกาะในตำนาน

วันที่ 15 กรกฎาคม 2566 นาวาเอกพงษ์ศักดิ์ ทองไสย ผบ.ฉก.นย.ทร.จัดกิจกรรม ดำน้ำอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล บริเวณเกาะจือลาปี หรือเกาะเล่าปี่ บ้านละเวง อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการปฏิบัติทางน้ำครั้งสำคัญ โดยได้นำคณะสื่อมวลชนไปลงเรือของตำรวจน้ำนราธิวาส แล่นไปกลางทะเล ซึ่งมีระยะทางจากฝั่ง จ.นราธิวาสถึงเป้าหมายประมาณ 15 ไมล์ทะเล หรือ 27.4 กิโลเมตร เพื่อให้สื่อมวลชนได้บันทึกภาพความสวยงามของท้องทะเลด้าน จ.นราธิวาส ที่ทอดยาวไปถึงอำเภอไม้แก่นและอำเภอสายบุรี จ.ปัตตานี โดยใช้ชุดประดาน้ำหรือมนุษย์กบ ของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ภาคใต้ กองทัพเรือ กว่า 50 นาย ที่ใช้เรือยางติดเครื่องยนต์ จำนวน 5 ลำ


เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ, ศรชล.จังหวัดนราธิวาส, ศรชล.จังหวัดปัตตานี, ตำรวจน้ำนราธิวาส, สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 ปัตตานี, ชุมชนประมงชายฝั่งบ้านทอน ชุมชนประมงชายฝั่งดอนทราย และชมรมดำน้ำสมิหลาร่วมกันดำน้ำตัดอวน และเก็บขยะบริเวณรายรอบเกาะจือลาปี ซึ่งมีความลึกประมาณ 20 ฟุต ซึ่งจากการสำรวจของเจ้าหน้าที่พบขยะจำพวก รอกและอวน ที่หลงเหลือจากการทำประมง ถูกกระแสน้ำพัดเข้ามาติดตามแนวเกาะ นอกจากนี้ก็ยังมีเศษพลาสติกจำนวนมาก ที่ถูกขว้างทิ้งหรือร่วงหล่นจากเรือต่างๆ ที่ออกสู่ท้องทะเล


โดยขยะเหล่านี้นี้คือตัวการสำคัญที่ทำให้ธรรมชาติใต้ท้องทะเลเช่น ปะการัง ดอกไม้ทะเล ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ยิ่งสะสมในปริมาณมากๆ ก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลอีกด้วย และนี่ก็เป็นเหตุผลทำให้เจ้าหน้าที่รวมถึงหน่วยงานที่มีความรักในท้องทะเล ได้มาร่วมกันทำงานเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติทางทะเล เป็นการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ท้องทะเล และเพิ่มคุณค่าด้านการท่องเที่ยวทางทะเลได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนรักษาสภาพแวดล้อมใต้ท้องทะเลให้คงความสวยงามตลอดไป


สำหรับ ‘เกาะจือลาปี’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เกาะเล่าปี่ เป็นเรื่องเล่าที่ยาวนานของชาวบ้านที่มีอาชีพทำการประมงถึงความ อกตัญญูของลูกกับบุพการี ว่ามีหมู่บ้านหนึ่งที่เรียกว่าหมู่บ้านชาวทะเล จะมีครอบครัวหนึ่งมีฐานะยากจน อยู่กัน 2 คนแม่ลูก ลูกมีอาชีพหาของทะเลขายช่วยจุนเจือทางบ้าน วันหนึ่งลูกมีความคิดว่าอยากทำอะไรที่สามารถช่วยเหลือครอบครัวให้ได้กินดีอยู่ดี เลยปรึกษาหารือกับแม่ว่า ลูกจะขอออกไปหางานทำ แม่ก็ถามว่า จะออกไปหางานทำ จะทำงานที่ไหน ลูกบอกว่า จะเดินทางไปกับพ่อค้าที่มาค้าขายในเมืองนี้ด้วยเรือสำเภา ดังนั้นแม่ก็อนุญาตให้ไป ลูกก็เดินทางไปกับเรือสำเภาสินค้า ไปค้าขายระหว่างประเทศ เพราะการค้าขายสมัยก่อน เขาจะล่องเรือสำเภา ลูกได้เดินทางไปเป็นระยะเวลานาน ส่วนผู้เป็นแม่ เมื่อลูกจากไป ด้วยความรักความเป็นห่วงลูก ก็จะเดินไปชายหาดทุกวันเพื่อมองหาลูก ว่าเมื่อไหร่ลูกจะกลับมา วันแล้ววันเล่าเป็นระยะเวลา 10 ปี ลูกก็ไม่กลับมา อยู่ ๆเหมือนโชคเข้าข้างแม่ ลูกระลึกถึงแม่ จึงได้เดินทางกลับมาเยี่ยมแม่พร้อมกับภรรยาที่เป็นลูกสาวของพ่อค้าที่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยระยะเวลานานที่ไม่เจอ ลูกไม่สามารถจำแม่ได้ เพราะแม่แก่ขึ้นมาก ลูกก็จำไม่ได้ว่าเป็นแม่และด้วยแม่มีฐานะยากจน ลูกไม่ยอมรับว่าบุคคลนี้เป็นแม่ แม่จะเข้าไปกอดลูก เพราะเห็นลูกกลับมา พอเข้าไปกอด ลูกก็ผลักไสไล่ส่งไม่ให้มากอด ส่วนภรรยาของลูกชายเองนั้นก็นึกรังเกียจแม่เช่นเดียวกัน จึงชวนกันกลับ แม่รู้สึกโกรธจึงสาปแช่งลูกว่าหากเรือสำเภาของลูกลำนี้ล่องไปกลางทะเล ขอให้เกิดอับปางลงกลางทะเล ด้วยคำสาปแช่งของแม่ พอเรือล่องไปถึงกลางทะเลก็เกิดพายุใหญ่ ทำให้เรือของลูกล่มคว่ำลงเสียชีวิตทั้งครอบครัว ชาวบ้านเชื่อว่า ลูกสาวหรือหลานพอเรือล่มถึงแก่ชีวิต ก็เกิดเป็นนกนางแอ่นหรือนกนางนวล นี่อาจเป็นการลงโทษของพระเจ้าหรือเป็นไปตามการสาปแช่งของผู้เป็นแม่ พอเกิดอับปางแล้ว หลังจากนั้นเรืออับปางได้โผล่ขึ้นมาเป็นเกาะ ก็คือเกาะ จือลาปี ในปัจจุบัน


โดยชาวบ้านมีความเชื่อว่า ในช่วงมรสุมถ้าหากเกิดฟ้าร้องหรือเสียงร้องจากทะเล นั่นคือเสียงร้องของลูกที่ขอความช่วยเหลือจากแม่ ถ้าเมื่อไหร่ทางฝั่งบกหรือทางภูเขามีเสียงร้อง นั่นคือเสียงร้องของแม่ ถ้าเมื่อไหร่ที่ฝั่งลูกร้องแล้วแม่ขานรับ หรือฝั่งแม่ร้องแล้วลูกขานรับ ก็จะเกิดเหตุการณ์ เกิดมรสุมใหญ่ เกิดน้ำท่วมใหญ่ เป็นความเชื่อของชาวบ้านที่ออกทะเล และปรากฏการณ์นี้เคยเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ
///////////////////////////////ข่าว/ซาการียา/จ.นราธิวาส