20-07-66 พี่เสือ นักข่าวสงขลา
สองน้าหลานสาวเสริฟถูกโจรจี้ชิงทรัพย์ตอนขับรถจากทำงาน ตำรวจตามแกะรอยจับกุมคนร้ายได้ ซวยซ้ำสองลางาน2วันหลังถูกโจรจี้ กลับไปอีกทีถูกเถ้าแก่ไล่ออกแถมเงินได้ไม่ครบ
ที่จ.สงขลาเมื่อวันที่ 9 ก.ค.66 ที่ผ่านมาเวลา 02.40 น.มีเหตุการณ์คนร้ายชิงทรัพย์หญิงสาวสองคนซึ่งเป็นน้าหลานกัน เหตุเกิดบนถนนสายบ้านเหนือ หมู่3 ต.คลองหอยโข่ง อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา
ขณะทั้งสองคนซึ่งทำงานเป็นเด็กเสริฟอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองหาดใหญ่ ขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านซึ่งอยู่ในพื้นที่หมู่4 ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา และถูกคนร้ายซึ่งเป็นชายอายุ30ปีขับรถจักรยานยนต์ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดบังใบหน้าตามประกบและถีบรถของพวกเธอจนล้มริมถนน และลงไปข่มขู่ทำท่าเหมือนจะชักอาวุธปืนออกมาจากเอวขู่ว่า”ไหนๆกระเป๋าอยู่ไหนไม่ให้กูจะยิง”และกระชากกระเป๋าสะพายขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
โดยในกระเป๋ามีเงินสด 1,000 บาท โทรศัพท์มือถือ2เครื่อง พระเครื่อง6องค์
โดยหลังเกิดเหตุตำรวจชุดสืบสวนสภ.คลองหอยโข่ง นำโดย พ.ต.อ.สุรจิต เพชรจอม ผกก.สภ.คลองหอยโข่ง พ.ต.ท.รัชวุฒิ อ่อนแพง รองผกก.สส. ร.ต.ท.อภิชาติ จันทบูรณ์ รอง สว.สส. ร.ต.อ.ธเนตร์ ฮ่อสกุล รองสว.(สอบสวน)ได้ลงพื้นที่ตามแกะรอยหาเบาะแสของคนร้ายรายนี้ทันทีโดยไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายขับหลบหนีต่อเนื่อง3วัน3คืน
โดยพบว่าคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอสีแดง ทะเบียน 8455 สงขลา ขับไล่หลังรถจักรยานยนต์ของน้าหลานคู่นี้มา
และผู้ก่อเหตุคือ นายปัญญา สีหานาม อายุ 34 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ม.3 ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับจากศาลจ.สงขลาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา
และล่าสุดในวันนี้(20ก.ค.66)ตำรวจชุดสืบสวนสภ.คลองหอยโข่ง ได้จับกุมตัว นายปัญญา ได้แล้ว โดยตามไปจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 146/6 ม.3 ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา พร้อมของบางส่วนคือพระเครื่องที่เหลืออยู่1 องค์และเสื้อผ้าที่สวมใส่ที่ใช้ก่อเหตุผ้าเช็ดหน้าที่ปิดบังใบหน้า
และแจ้งข้อกล่าวหา“ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยใช้ยานพาหนะ”จากการสอบสวน นายปัญญา ก็ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุชิงทรัพย์เคสนี้จริง
ตำรวจจึงควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุรวมทั้่งจุดที่นำกระเป๋าไปทิ้งบนเส้นทางสายบ้านเหนือซึ่งเชื่อมต่อระหว่างอ.คลองหอยโข่งไปยังอ.สะเดา
โดยมี น.ส.กาญ อายุ 31 ปี และน.ส.เมย์ อายุ 24 ปี สองน้าหลานที่เป็นผู้เสียหายมีชี้ตัวยืนยัน และนายปัญญา ได้ยกมือไหว้ขอโทษทั้งสองคน และทั้งสองคนก็ใจดีบอกว่าให้เลิกเป็นโจรอย่าไปก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนกับใครอีก
ในขณะ น.ส.กาญและน.ส.เมย์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าหลังจากถูกโจรชิงทรัพย์ในคืนนั้นตกใจกลัวอย่างหนักไม่กล้าขับรถไปทำงาน ต้องลาหยุด 2 วัน
และเคราะห์ซ้ำกรรมซัดรอบสองเพราะตอนที่กลับไปทำงานปรากฏว่าเถ้าแก่ได้ให้ออกจากงานแม้ว่าพวกตนจะแจ้งลางานแล้วว่าถูกโจรชิงทรัพย์
แต่เถ้าแก่ก็ยังให้ออกโดยอ้างเหตุผลว่าต้องการเปลี่ยนพนักงานและผู้จัดการใหม่ทั้งหมดเพื่อปรับปรุงร้าน แต่ไปๆมาๆตนถูกให้ออกกันแค่สองคนส่วนคนอื่นๆยังทำงานปกติ
และที่ช้ำหนักไปอีกคือตอนที่ขอรับเงินค่าจ้างต้องรอจนปิด และได้รับเงินค่าจ้างไม่ครบจากที่ตกลงกันไว้ว่าคืนละ 200 บาท แต่ได้แค่คืนละ 170 บาทเท่านั้น พวกตนทั้งสองก็ต้องจำใจรับและออกจากงานและถึงตอนนี้ก็ยังว่างงานอยู่
ที่สำคัญตอนที่ไปคุยกับผู้จัดการร้านและเล่าเรื่องที่ถูกโจรชิงทรัพย์และเอาภาพวงจรปิดคนร้ายให้ดูผู้จัดการร้านยังไม่เชื่อบอกว่าไม่มีทางที่ตำรวจจะไปตามไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดให้แค่ตำรวจพูดปัดไปเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้วทางตำรวจสภ.คลองหอยโข่ง ลงพื้นที่ตามคดีไล่ภาพกล้องวงจรปิดให้ตลอดตั้งวันเกิดเหตุจนกระทั่งสามารถจับกุมคนร้ายได้ ซึ่งตนทั้งสองประทับใจมากที่่ตำรวจติดตามคนร้ายอย่างเต็มที่ ถ้าเป็นไปได้ก็แทบจะเขียนคุณงามความดีให้กับตำรวจสภ.คลองหอยโข่งด้วย