ข่าวทั่วไปข่าวพาดหัวเพลิงไหม้

คนเร่ร่อนเผาลอกทองแดงเป็นเหตุให้เพลิงไหม้ซุ้มไก่ชน ย่านประชาอุทิศ

คนเร่ร่อนเผาลอกทองแดงเป็นเหตุให้เพลิงไหม้ซุ้มไก่ชน ย่านประชาอุทิศ

วันที่ 6 สิงหาคม 2566 เวลา 21.07 น.

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในซอยประชาอุทิศ 33 แยกย่อยซอยที่ 12 จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสาน เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยทุ่งครุ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ( อปพร.เขตราษฎร์บูรณะ ) และ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ทันทีที่เจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุภายในซอยประชาอุทิศ 33 แยกย่อย ซอยที่ 12 ถนน ประชาอุทิศ แขวง บางมด เขต ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เป็นซอยแคบ พบที่เกิดเหตุเป็นลักษณะเพิงพักเป็นไม้มุงด้วยสังกะสี ชั้นเดียว สร้างไว้เพื่อเลี้ยงไก่ชน พบแสงเพลิงและกลุ่มควันเป็นจำนวนมาก และด้านข้างทั้งซ้ายขวาติดกับบ้านเรือนประชาชนหลายหลัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาสาสมัครจึงรีบเร่งจัดวางหัวฉีดเร่งทำการระงับเหตุทันที แต่ภายในที่เกิดเหตุตรวจสอบโดยรอบแล้วไม่พบแหล่งน้ำธรรมชาติ จึงต้องงัดท่อระบายน้ำและหย่อนสายลงใช้เครื่องสูบน้ำแรงดันสูงเพื่อระงับเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลา 30 นาที จึงควบคุมเพลิงได้แสงเพลิงหมดไป ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

จากการสอบถาม นางสาว อาลิษา มูฮำหมัด อายุ 29 ปี กล่าวว่า ตอนแรกก็ไม่ได้คาดคิดว่าไฟจะไหม้ คิดว่าแค่คนมาเผาขยะ แต่แค่แปบเดียวไม่ถึง 5 นาที ไฟก็รุกรามขึ้นมาแล้วและก็มีคนวิ่งออกมาพยายามช่วยกันดับแต่ก็ไม่ทัน ปกติบ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่เขาจะอยู่กันถัดมาอีกตรงนี้จะเป็นแค่ซุ้มไก่ แล้วก็ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีคนทำอะไร

และสอบถาม นาย นุชา แก่นเกื้อ อายุ 31 ปี เจ้าของซุ้มไก่ กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ อยู่ที่บ้านของตนแล้วมีคนโทรศัพท์มาบอกว่าไฟไหม้ซุ้มไก่ของตนก็เลยรีบวิ่งมาดู ปกติตรงนี้จะเช่าไว้เลี้ยงไก่ชนอย่างเดียว ยืนยันเลยว่าซุ้มไก่ของตนไม่มีคนอาศัยอยู่เลย แต่จะมีคนเร่ร่อนมาอยู่บริเวณใกล้เคียง 2 คน ก็เคยเห็นว่าชอบมาเผาลอกทองแดงอยู่ตรงบริเวณดังกล่าวเป็นประจำจึงไม่แน่ใจว่าต้นเหตุของเพลิงไหม้ดังกล่าวเกิดจากการเผาลอกทองแดงหรือเปล่า

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง ถึงจะสรุปสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ดังกล่าวได้ และจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.