ข่าวพาดหัวตรวจสอบ

ตำรวจรวบอีก1แจ้งข้อหาส่งขังคุกเหตุโกดังพลุมูโนะระเบิด

ตำรวจรวบอีก1แจ้งข้อหาส่งขังคุกเหตุโกดังพลุมูโนะระเบิด

วันที่ 9 ส.ค.66 ที่อาคารเอนกประสงค์ โรงเรียนบ้านมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.นราธิวาส นายว่าศักดิ์ เจิมศิริ โยธาธิการ จ.นราธิวาส นางพิชญ์ณัชชา ศรีหิรัญรัตน์ ผอ.สำนักจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ นายวีระพัฒน์ บุณฑริก ผู้ตรวจราชการกรมโยธาธิการและผังเมือง เขตตรวจราชการที่ 15 นายอนิรุทธ บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงโก-ลก และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันชี้แจงเจ้าของบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโกดังเก็บดอกไม้ไฟ ที่บ้านพักได้รับความเสียหายทั้งหลัง ที่สร้างอยู่ในโซนที่ตั้งของโกดัง หรือ โซนไข่แดง รวมเนื้อที่ 25 ไร่จำนวน 75 แปลง เจ้าของที่ดินหรือบ้านพัก 58 ราย มาพิจารณาเลือกผังในการจัดรูปที่ดินใหม่ 3 ทางเลือกหรือ 3 แบบ ซึ่งทางสำนักงานจัดรูปที่ดินได้ร่วมกับโยธาธิการ จ.นราธิวาส ได้จัดทำขึ้น


โดยในที่ประชุมเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในแต่ละโซน หรือความรับผิดชอบในขั้นตอนต่างๆได้ชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบถึงความหลากหลายของผังทั้ง 3 แบบ ที่มีความแตกต่างกันไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องของสภาพแวดล้อม และสาธารณูปโภค โดยใช้เวลานานร่วม 3 ช.ม. โดยประชาชนได้ร่วมกันลงมติในที่ประชุมเลือกผังเมืองแบบที่ 3 ที่ได้วางรายละเอียดดังนี้ คือ 1.ตำแหน่งและรูปแปลงที่ดินใกล้เคียงของเดิม 2.เนื้อที่แปลงที่ดินลดลงเล็กน้อย 3.ลดถนนบางสาย ขยายความกว้างจากถนนเดิม 4.เพิ่มทางเดินเท้าเชื่อระหว่างถนน และ 5.เพิ่มสวนสาธารณะและลานเอนกประสงค์ไว้ตอนกลางพื้นที่เพื่อเข้าถึงง่ายจากทุกกลุ่ม


ซึ่งมติดังกล่าวสามารถดำเนินการได้ แต่รอการเคลียร์หรือปรับพื้นที่จุดโกดังระเบิด โดยคาดว่าในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปดำเนินการจัดรูปที่ดินบ้านของประชาชนแต่ละหลังได้
ในส่วนความรับผิดชอบของสำนักงานชลประทานที่ 17 และกองบัญชาการหน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ 41 ซึ่งได้ร่วมกันนำเครื่องจักรกลหนัก มาทำการเคลียร์พื้นที่จุดเกิดเหตุตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา พบว่า มีความรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วสามารถปรับหรือเคลียร์พื้นที่แล้วเสร็จไปกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นรูปเป็นร่างถนนบางสายในจุดเกิดเหตุสามารถเชื่อมต่อกันได้ จนสามารถนำรถบรรทุกเข้ามาได้ ง่ายต่อการลำเลียงซากปรักหักพังขึ้นรถบรรทุกเพื่อนำไปทิ้งได้สะดวกรวดเร็วกว่าวันแรก
ส่วนด้านคดีนั้น หลังจากที่พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวนายสมปอง ณะกุล และ น.ส.ปิยะนุช พึ่งวิระวัฒน์ 2 สามีภรรยา เจ้าของโกดังเก็กดอกไม้ไฟระเบิด สอบสวนเครียดที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.นราธิวาส และขออำนาจศาล จ.นราธิวาสฝากขังไปเมื่อวันที่ 7 ส.ค.66 ที่ผ่านมาโดยคัดคาคการประกันตัวชั้นสอบสวนนั้น


ล่าสุดแหล่งข่าวแจ้งว่า ในช่วงเย็นของวันที่ 8 ส.ค.66 พนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานแรงงาน จ.นราธิวาส เชิญตัวนายปฐมพร หรือ ธรรม พรหมสกุล นายจ้างซึ่งเป็นผู้รับเหมาต่อเติมชั้นวางสินค้าภายในโกดังเก็บดอกไม้ที่ระเบิด มาสอบสวนปากคำแล้วเสร็จเจ้าหน้าที่ได้แจ้งดำเนินคดีใน 3 ข้อหา ในเรื่องของความประมาท การไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกและป้องกันอันตรายในการทำงาน และรวมทั้งการจ้างงานลูกจ้างโดยไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ พร้อมคัดค้านการประกันตัวชั้นพนักงานสอบสวน และได้ขออำนาจศาล จ.นราธิวาส ฝากขังเป็นรายที่ 3 ในคดีนี้


ด้านนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า โดยในวันนี้เราได้เชิญผู้ประสบภัยฯในกรณีที่บ้านเสียหายทั้งหลัง มาประชุมหารือร่วมกันเพื่อที่จะให้พิจารณาเลือกผังที่ทาง กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ออกแบบมาทั้ง 3 ผังนั้นได้ข้อสรุปว่า ในที่ประชุมนั้นพี่น้องที่ประสบภัยฯมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า เลือกผังที่ 3 และในส่วนของไทม์ไลน์การดำเนินการนั้น จะขออนุญาตผู้อำนวยการสำนักจัดรูปที่ดินได้กรุณา เรียนรายละเอียดว่าหลังจากนี้ไปจะมีขั้นตอนอย่างไร
“โดยอาทิตย์หน้าเราจะมีการปรับทะเบียนรายชื่อเจ้าของที่ดินและทำแผนการใช้จ่าย และจะนำกลับมาเสนอคณะกรรมการส่วนจังหวัด เพื่อพิจารณารับคำขอ และจากนั้นวันที่ 28 สิงหาคม จะมีหนังสือถึงเจ้าของที่ดินทุกรายให้แจ้งการยินยอมกลับมาว่ายินดีทำโครงการจัดรูปที่ดิน และเมื่อทุกรายยื่นมากันครบแล้ว เราจะเสนอคณะกรรมการจังหวัดทำการอนุมัติ แล้วเดินหน้าได้เลย” นายสนั่น ผวจ.นราธิวาส กล่าว


นอกจากนี้ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า และในส่วนของเงินบริจาคนั้นตอนนี้อยู่ที่ยอด 28 ล้านกว่าบาท และในส่วนของแผนการขับเคลื่อนยอดเงินตรงนี้ เราพุ่งเป้าอยู่ที่การซ่อมบ้านและสร้างบ้านของผู้ประสบภัยฯ ทั้งในส่วนของบ้านเสียหายทั้งหลังและในส่วนของการซ่อมแซมความเสียหายในบางส่วน โดยเฉพาะในส่วนของการซ่อมแซม ก็จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยมีผู้บริจาคเป็นวัสดุก่อสร้าง มีอยู่จำนวน 13 ราย และในส่วนที่ทางเราได้พิจารณาเปิดบัญชีกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ เพื่อจะเอาเงินช่วยเหลือมาใช้จ่ายเป็นค่าวัสดุ ซึ่งในขณะนี้จากการเปิดบัญชี และไปเบิกค่าวัสดุมาใช้ในการซ่อมบ้านอยู่ที่ตัวเลข 1 ล้านกว่าบาท ดังนั้นในส่วนของแผนที่เราคุยกันไว้ในส่วนของเงินกองทุนนั้น จะพิจารณาใช้จ่ายในเรื่องของการซ่อมและสร้างบ้านเป็นสำคัญ แต่หลังจากที่มีการสร้างบ้านและซ่อมบ้านเสร็จแล้วแต่เงินยังเหลืออยู่ จะพิจารณาในการช่วยเหลือเครื่องมือในการประกอบอาชีพให้กับผู้ประสบภัยฯต่อไป
//////////////////////////////
ข่าว/ซาการียา/จ.นราธิวาส