ข่าวพาดหัวจับกุม

กองปราบปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหาคนสำคัญตามแบล็คลิสลำดับ 184 สำนักงานตำรวจแห่งชาติปี2566

12-08-66 พี่เสือ นักข่าวสงขลา
กองปราบปิดล้อมจับกุมผู้ต้องหาคนสำคัญตามแบล็คลิสลำดับ 184 สำนักงานตำรวจแห่งชาติปี2566 หลังหนีการจับกุมมา18ปี เหลืออีก 2 ปีคดีก็จะหมดอายุความ หลังร่วมกับพี่ชายฟันคู่อริเสียชีวิตเมื่อปี49 สารภาพ 18 ปีนอนฝันรายทุกคืนหลับไม่สนิทหวาดระแวงไม่เคยใช้โทรศัพท์มือถือไม่เคยโทรหาแม่


เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 11 ส.ค. กำลังตำรวจกองปราบกองกำกับการ6 กองบังคับการปราบปรามกว่า 10 นายภายใต้การอำนวยการขอ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.


โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. , พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.6 บก.ป. , พ.ต.ท.ทศพล กิติลาภ , ร.ต.อ.อนุวัฒน์ ณ ปัตตานี , ร.ต.ท.พัทธ์ดนย์ พูลพิพัฒน์ รอง สว.กก.6 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป.
พร้อมอาวุธครบมือ เข้าปิดล้อมจับกุม นายธวัชชัย สุวรรณโณอมยุ 38 ปีหรือโอม


ผู้ต้องหารายสำคัญที่อยู่ในแบลคลิส หรือถูกขึ้นบัญชีหมายจับให้อยู่ในประกาศสืบจับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปี2566 ลำดับที่ 184 หลังจากที่หลบหนีการจับกุมมา 18 ปี และอีก2ปีคดีก็จะหมดอายุความ
โดยขณะเข้าปิดล้อมจับกุม นายธวัชชัย หรือโอม ไม่ได้ต่อสู้ขัดขืนกับเจ้าหน้าที่และยอมจำนนมอบตัวแต่โดยดี
สำหรับประวัติ นายธวัชชัย หรือโอม ซึ่งมีภูมิลำเนาเดิมในพื้นที่หมู่ 5 ต.คลองหรัง อ.นาหม่อม จ.สงขลา ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลจังหวัดสงขลา ที่ 41/2549 ลง 16 มกราคม 2549

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย”
โดยย้อนหลังไป เมื่อวันที่ 4 ม.ค.49 เวลาประมาณ 15.00 น. นายธวัชชัย ผู้ต้องหาซึ่งตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่นอายุ 20 ปี และนายจักรี สุวรรณโณ หรือเอก ซึ่งเป็นพี่ชายที่ยังคงหลบหนี ได้ร่วมกันใช้มีดสปาต้า กระหน่ำฟัน นายอภิสาร เรืองสุข อายุ 23 ปี คู่อริที่มีเรื่องกันจนตายคามือ ในสภาพที่มีบาดแผลถูกเฉือดด้วยมีดที่ลำคอ หลอดลมขาด ปากขาด ศรีษะด้านหลังมีรอยถูกฟัน ขมับขวาถูกฟัน


เหตุเกิดที่บริเวณ ถนนสายระโนด – สงขลา หน้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอสิงหนคร ม.1 ต.ชิงโค อ.สิงหนคร จ.สงขลา
และจากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า นายธวัชชัย กับ นายจักรี สองพี่น้องเป็นคนก่อเหตุจึงขอศาลจ.สงขลาออกหมายจับ แต่หลังจากวันนั้นทั้งสองคนก็หลบหนีการจับกุมมาตลอด
และจากพฤติการณ์การก่อเหตุที่ทารุณโหดร้าย และนายธวัชชัย ได้ใช้ความชำนาญพื้นที่ หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจมา18 ปี
ทางตำรวจจึงขึ้นบัญชีหมายจับให้อยู่ในประกาศสืบจับสำนักงานตำรวจแห่งชาติประจำปี2566 ลำดับที่ ทางตำรวจตำรวจกองปราบกองกำกับการ6 ได้สืบสวนตามล่าตัวจนทราบว่าหนีไปมีครบครัวและกบดานอยู่ที่บ้านเลขที่ 140 ม.6 ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูล


จึงได้วางแผนเข้าทำการปิดล้อมจับกุม โดยเมื่อเดินทางไปถึงบริเวณบ้านพัก เจ้าหน้าที่ได้วางกำลังปิดล้อมบริเวณโดยรอบ จากนั้นจึงได้กดดันให้นายธวัชชัย ออกจากบ้านพักมาแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งนายธวัชชัยฯ ยอมจำนนและเดินออกมาจากบ้านพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าทำการแสดงหมายจับและจับกุมตัวนายธวัชชัย เอาไว้ได้ และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สิงหนคร จ.พื้นที่เกิดเหตุ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบสวนในชั้นจับกุม นายธวัชชัย ก็ยอมรับสารภาพแต่อ้างว่าในวันเกิดเหตุ ตนแค่เข้าไปชกต่อยคู่อริส่วนพี่ชายเป็นคนฟัน
โดยตลอด 18 ปี ที่ผ่านมานอนฝันร้ายทุกคืน ไม่มีสักคืนที่นอนหลับสนิทเพราะหวาดระแวงตลอดเวลาเวลาไปไหนมาไหนก็ต้องระวังตัวต้องคอยหลบเลี่ยงตำรวจ
และตลอด18ปีที่ผ่านมาไม่เคยใช้โทรศัพท์มือถือเพราะกลัวว่าตำรวจจะตามแกะรอยจับได้หากใครมีธุระอะไรก็ให้ติดต่อผ่านภรรยา แม้แต่แม่ตนก็ไม่เคยโทรกลับไปหาเพราะกลัวว่าตำรวจจะรู้ และตลอดเวลาที่ไปมีครอบครัวภรรยาไม่เคยรู้ว่าตนเคยมีคดีติดตัว พร้อมกับฝากไปยังพี่ชายที่ยังหลบหนีถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้เข้ามอบตัว
นายธวัชชัย กล่าวว่าก่อนที่ตำรวจกองปราบจะเข้าจับกุมมีลางบอกเหตุตอนเช้าสร้อยคอลูกขาด จนกระทั่งถูกจับกุม