ไฟไหม้เครื่องซักผ้าบ้านเกือบวอดทั้งหลัง ย่านสุขสวัสดิ์
วันที่ 12 สิงหาคม 2566 เวลา 14.57 น.
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ รับเเจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในซอยข้างร้านขายยา ใกล้เคียงซอยสุขสวัสดิ์ 38 จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานเจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัย ราษฎร์บูรณะ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ( อปพร.เขตราษฎร์บูรณะ ) เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครกู้ภัยมาถึงที่เกิดเหตุพบเหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 196 ซอย ร้านขายยา ใกล้เคียงซอยสุขสวัสดิ์ 38 ถนน สุขสวัสดิ์ แขวง บางประกอก เขต ราษฎร์บูรณ ะ กรุงเทพมหานคร เป็นลักษณะบ้านทาวเฮาส์สูง 3 ชั้น พบแสงเพลิงและกลุ่มควันเกิดขึ้นบริเวณริมระเบียงด้านหลังบ้านชั้นที่ 2 แล้วบ้านหลังดังกล่าวเจ้าของบ้านไปต่างจังหวัดไม่มีใครอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้บันไดปีนขึ้นบริเวณระเบียงหน้าบ้านหลังดังกล่าว แล้วรีบวางหัวฉีดน้ำเร่งระงับเหตุทันที ใช้เวลา 20 นาที แสงเพลิงจึงหมดไป จากนั้นจึงรีบเร่งระบายกลุ่มควันออกจากตัวบ้านเพื่อทำการตรวจสอบอย่างละเอียด
จากการตรวจสอบภายในบ้านที่เกิดเหตุไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว พบความเสียหายที่เครื่องซักผ้า และชั้นวางของ หน้าต่างบ้าน 2 บาน เท่านั้น คาดว่าต้นเพลิงน่าจะเกิดจากเครื่องซักผ้าแล้วรุกรามไปยังชั้นวางของด้านข้างก่อนที่จะไหม้ไปถึงหน้าต่างบ้านทั้งสองบาน แต่เคราะห์ดีที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาสาสมัครมาทันจึงทำการระงับเหตุเอาไว้ได้ทันก่อนที่ไฟจะรุกรามไปส่วนอื่นๆของตัวบ้าน
จากการสอบถามผู้พักอาศัยอยู่ข้างบ้านที่เกิดเหตุ บอกว่า ตอนเกิดเหตุตนอยู่ชั้นล่าง ได้กลิ่นเหม็นไหม้ แล้วหลานก็วิ่งลงมาบอกได้กลิ่นไหม้อะไร ตนก็รีบหากลิ่นก็ไม่เห็น เลยวิ่งขึ้นไปชั้นบน ก็ได้กลิ่นเหม็นไหม้แรง แต่มองหาไม่เห็น แต่ได้ยินเสียงหลังบ้านตะโกนว่าไฟไหม้ตนจึงรีบลงมาโทรแจ้งดับเพลิง โทรแจ้งเจ้าของบ้านเลย
และทางด้านผู้พักอาศัยอยู่ทางด้านหลังบ้านที่เกิดเหตุ บอกว่า ตนได้ยินเสียงตู้ม ตนจึงหันมองหานึกว่าบ้านตนแต่ไม่ใช่ เลยมองหันหาตามตึก ก็เห็นเปลวไฟขึ้นที่ระเบียงบ้านที่เกิดเหตุ เลยบอกชาวบ้านว่าไฟไหม้ เค้าก็แตกตื่นกันโทรแจ้งดับเพลิงให้มาช่วยดับไฟ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุของเหตุการณ์เพลิงไหม้ดังกล่าวต้องรอให้เจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งถึงจะสรุปสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ดังกล่าวได้
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.