ข่าวทั่วไป

ประจวบฯ ชาวบ้านโวยตัดเหี้ยนต้นสนเก่าแก่ในสวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แกนนำต้านโกงแฉโยธา – เทศบาลไม่กล้าแจ้งความเอาผิด ซ้ำรอยเกียร์ว่างเมินแจ้งคดี จนท.รัฐลักเสาไฟสับปะรดต้นละ 8 หมื่นขายเชียงกง

ประจวบฯ ชาวบ้านโวยตัดเหี้ยนต้นสนเก่าแก่ในสวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แกนนำต้านโกงแฉโยธา – เทศบาลไม่กล้าแจ้งความเอาผิด ซ้ำรอยเกียร์ว่างเมินแจ้งคดี จนท.รัฐลักเสาไฟสับปะรดต้นละ 8 หมื่นขายเชียงกง

วันที่ 16 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนว่า มีการตัดต้นสนขนาดใหญ่อายุมากกว่า 50 ปี ภายในสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ห่างจากศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ประมาณ 500 เมตร ริมถนนสวนสน – อ่าวน้อย เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ จาการตรวจสอบพบว่าในสวนดังกล่าวมีลักษณะทรุดโทรมไม่มีการดูแลจากส่วนราชการแห่งใด ขณะที่การตัดโค่นต้นสนภายในสวนมีตัวแทนกลุ่มประมงเรือเล็กปากคลองบางนางรม อ้างว่ามีพระภิกษุรูปหนึ่งในวัดธรรมิการามต้องการให้ตัดต้นไม้ดังกล่าวเพื่อทำการปรับปรุงภูมิทัศน์ สำหรับต้นสนที่ตัดยังมีโคนสูงจากพื้นมากกว่า 1 เมตร ส่วนไม้ทั้งหมดได้มอบให้ผู้ที่นำเครื่องจักรกลมาตัดนำไปขาย

นายสุวิทย์ พลเสน หัวหน้าสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า สวนเฉลิมพระเกียรติฯดังกล่าว มีบันทึกการส่งมอบให้เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2551 เพื่อให้เทศบาลดูแลรักษา ในเอกสารยืนยันว่าเทศบาลได้รับไว้เป็นการถูกต้องแล้วจาการลงนามของ รองผู้ว่าราชการจังหวัด โยธาจังหวัด นายกเทศมนตรีและปลัดเทศบาลในขณะนั้น สำหรับการดูแลสวนในปัจจุบันเพื่อให้สมพระเกียรติ ต้องสอบถามจากผู้มีอำนาจในเทศบาลยุคปัจจุบันว่าได้ดำเนินการอย่างไร เหตุใดมีการปล่อยให้ตัดต้นไม้ หรือมีผู้ใดเข้าไปใช้ประโยชน์จากสวนแห่งนี้ ซึ่งเดิมหน่วยงานราชการได้ขอใช้พื้นที่ธรณีสงฆ์จากวัดธรรมิการามที่คณะเหนือทำการจัดสร้าง

จ่าอากาศเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หากมีการส่งมอบแล้วอย่างถูกต้อง ไม่ควรปล่อยให้สวนแห่งนี้ทรุดโทรมหรือ อนุญาตให้บุคคลใดเข้ามาใช้พื้นที่เพื่อหาประโยชน์ ซึ่งทราบว่าที่ผ่านมามีความขัดแย้งระหว่างบุคคล 2 กลุ่ม ที่หากินกับการท่องเที่ยวในคลองบางนางรม ขณะที่เครือข่ายฯจะตรวจสอบว่า 15 ปี ที่ผ่านมาเทศบาลรับมอบโดยนำไปผ่านสภาเห็นชอบใช้งบดูแลรักษาหรือไม่ นอกจากนั้นโยธาฯควรแสดงเอกสารขอใช้ที่ดินธรณีสงฆ์ให้ชัดเจนว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือระเบียบของทางราชการที่เกี่ยวข้องหรือไม่

“ สำหรับการจัดสร้างสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ทุกอย่างควรทำให้ถูกต้อง ไม่ควรทำเหมือนการใช้งบพัฒนาจังหวัดบนยอดเขาช่องกระจก โดยโยธาจังหวัดนำงบไปปรับปรุงภูมัศน์ เนื่องจากคิดว่าบนยอดเขาเป็นที่ดินของวัดธรรมิการาม แต่มีปัญหาหลังจากมีการตัดโค่นต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นไม้ทรงปลูกของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2561 ต่อมาจังหวัดได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยตีความให้ที่ดินบนยอดเขาเป็นที่ธรณีสงฆ์ “

จ่าอากาศเอกเสกสรรค์ กล่าวว่า การทำโครงการเพื่อเทิดพระเกียรติที่ถนนสวนสน-อ่าวน้อย ควรมีความชัดเจน หากไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบ ก็จะเหมือนกับโยธาจังหวัด และเทศบาล ยังไม่ไปแจ้งความดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์กับแก๊งรถกระเช้าสีส้ม ลักเสาไฟสับปะรดต้นละ 8 หมื่นบาทจากสันเขื่อนริมหาดหน้าเขาช่องกระจกไปขายเชียงกง เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และกรณีล่าสุดก็เชื่อว่าไม่สามารถแจ้งความเอาผิดในคดีอาญากับบุคคลที่ร่วมกันตัดต้นสนขนาดใหญ่ในสวนเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการทำหน้าที่ของหน่วยงานรัฐเพื่อปกป้องทรัพย์สินจากการใช้งบประมาณแผ่นดินประสบความล้มเหลว ไม่เว้นแม้แต่การทำโครงการสำคัญเพื่อเทิดพระเกียรติในระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ////
พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร 098-568-1744