อดีต ส.ท.ประจวบฯจี้ ป.ป.ช.-สตง.ตรวจสอบโยธาจังหวัด ยันไม่มีมติสภาเทศบาลรับมอบสวนเฉลิมพระเกียรติฯใช้งบสร้างในธรณีสงฆ์
ความคืบหน้ากรณีผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนว่า มีการตัดต้นสนขนาดใหญ่อายุมากกว่า 50 ปี ภายในสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ห่างจากศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ประมาณ 500 เมตร ริมถนนสวนสน – อ่าวน้อย เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ โดยพบว่าในสวนดังกล่าวไม่มีการดูแลจากส่วนราชการแห่งใด ทำให้มีการตัดต้นสนขนาดใหญ่ไปขาย ขณะที่โยธาธิการจังหวัดแจ้งว่ามีการทำบันทึกส่งมอบสวนฯให้เทศบาลเมืองประจวบฯดูแลรักษาเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2551 หรือเมื่อ 15 ปี ก่อน
วันที่ 17 สิงหาคม นายสมบูรณ์ เทพประดิษฐ์ ทนายความ อดีตสมาชิกสภาเทศบาลเมือง(ส.ท.)ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การใช้งบประมาณของหน่วยงานรัฐในระบบราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค หากทำโครงการในที่ดินธรณีสงฆ์ จะมีหลายขั้นตอนในการขออนุญาต ต้องใช้เวลานาน สำหรับการทำโครงการที่เกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูงสิ่งสำคัญหน่วยงานของรัฐต้องเริ่มต้นทำในที่ถูกต้องและเมื่อทำโครงการแล้วต้องดูแลรักษาให้สมพระเกียรติ ให้สวนสาธารณะอยู่ในสภาพดี สำหรับสวนฯแห่งนี้ไม่เคยมีมติสภาเทศบาลให้ความเห็นชอบรับมอบไว้เพื่อบำรุงรักษา เนื่องจากมีการใช้งบประมาณในที่ดินของวัดหรือที่ธรณีสงฆ์ ซึ่งไม่มีการนำเอกสารมาแสดง ทำให้ไม่มั่นใจว่าขั้นตอนการขออนุญาตทำถูกต้องหรือไม่
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ขอให้สำนักงาน ป.ป.ช.หรือ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)เข้าไปตรวจสอบการใช้งบประมาณทำโครงการ แม้ว่าในเอกสารการรับมอบจะมีลายมือชื่อนายกเทศมนตรีหรือปลัดเทศบาลในขณะนั้นไปลงนามรับมอบกับรองผู้ว่าราชการจังหวัด สำหรับการตัดต้นไม้ขนาดใหญ่ภายในพื้นที่ดังกล่าว ต้องเข้าไปตรวจสอบหากพบว่าหน่วยงานราชการขออนุญาตขอใช้ที่ดินธรณีสงฆ์เพื่อนำงบประมาณไปใช้จ่ายตามแผนโครงการ หากขออนุญาตไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด วัดในฐานะนิติบุคคลซึ่งดูแลธรณีสงฆ์ จะถือว่าเป็นผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าว
นายสุเทพ นาคทั่ง หรือ หมู ปั้นดาว แกนนำจิตอาสาทำดีเพื่อพ่อ กล่าวว่า ส่วนตัวและทีมงานจิตอาสาที่ช่วยกันลุงทนลงแรงฟื้นฟูสวนเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ ยอมรับว่าทุกคนเสียใจและเสียดาย หลังจากมีการตัดต้นสนเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่เคยให้ร่มเงา แต่ทุกคนจะร่วมพัฒนาสวนแห่งนี้ต่อไป หลังจากเริ่มเข้ามาฟื้นฟูสภาพสวนเฉลิมพระเกียรติฯเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ทำความดีถวายพ่อหลวง ขณะที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระประชวร เนื่องจากสภาพเดิมถูกปล่อยทิ้งร้างมีสภาพทุรดโทรม จิตสาสาจึงช่วยกันพัฒนาสวน กระทั่งในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคตในเดือนตุลาคม 2559 จากนั้นมีการใช้สถานที่ภายในสวนสำหรับทำความดีในวันสำคัญ เพื่อระลึกถึงพระองค์ท่าน
นายสุเทพ กล่าวว่า ช่วงแรกที่เข้ามาพัฒนาพบว่าภายในสวนฯมีการทิ้งขยะหลายประเภท สำหรับศาลาที่สร้างกลางสวนไว้มีการใช้เป็นสถานที่ลักลอบเสพยาเสพติด มีอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับต้มน้ำกระท่อม มียาแก้ไอ 300 กว่าขวด และก่อนจะพัฒนาได้ขออนุญาตจากเจ้าอาวาสวัดธรรมิการามซึ่งแจ้งว่าสวนแห่งนี้ เดิมหน่วยงานราชการขอใช้พื้นที่ เพื่อจัดทำเป็นสวนสาธารณะ หลังจากนั้นเมื่อไม่มีการดูแลบำรุงรักษา ทางวัดจึงอนุญาตให้ทีมงานจิตอาสาเข้าไปปรับปรุง และก่อนหน้านั้นทราบว่าเจ้าอาวาสได้ขอให้พระภิกษุสามเณรช่วยกันดูแลรักษาความสะอาด ไม่ให้มีการใช้สถานที่เป็นแหล่งมั่วสุมเสพยาเสพติด
จ่าอากาศเอกเสกสรรค์ กล่าวว่า การทำโครงการเพื่อเทิดพระเกียรติที่ถนนสวนสน-อ่าวน้อย ควรมีความชัดเจน ผู้บริหารระดับจังหวัดในปัจจุบันควรให้ความสนใจ ไม่ควรคิดว่าเป็นโครงการเก่าที่ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้นหากสนใจแก้ไขปัญหาควรเชิญตัวแทนจากสำนักงานจังหวัด โยธาจังหวัด และ เทศบาลเมืองประจวบฯนำเอกสารหลักฐานมายืนยันการส่งมอบ
หากมีการยืนยันการส่งเอกสารของราชการในระบบงานสารบรรณ มติเห็นชอบของสภาเทศบาล โดยเฉพาะอกสารการขอใช้ที่ดินธรณีสงฆ์ที่ถูกต้อง โยธาจังหวัดควรนำแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ก่อนใช้งบประมาณแผ่นดิน หากไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบ ก็จะพิจารณานำเอกสารหลักฐานแจ้ง ป.ป.ช และ สตง.ดำเนินการตรวจสอบต่อไป ////
พิสิษฐ์ รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0985681744