ข่าวพาดหัวฆาตกรรม

ข่าวต่อ – พ่อฆ่าปาดคอยกครัวย่านบางพลี

ข่าวต่อ พ่อฆ่าปาดคอยกครัวย่านบางพลี
จากเหตุการณ์ สลดบิดา ก่อเหตุฆ่าลูกและเมียรวม 3 ศพ คาบ้านพักของตนเอง ส่วนผู้เป็นพ่อที่ลงมือก่อเหตุพยายามปาดคอปิดชีพตนเองอาการสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เหตุเกิดภายบ้านหลังหนึ่ง ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 28 สิงหาคม 2566


ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 สิงหาคม 2566 ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจกันพื้นที่ห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ ส่วนทางด้านคดีในขณะนี้ยังไม่มีการเรียกสอบพยานเพิ่มเติม ซึ่งอยู่ระหว่างติดตามผู้เกี่ยวข้องเข้าให้ปากคำและพี่ชายผู้ก่อเหตุกำลังเดินทางเข้าให้ปากคำ ส่วนร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ยังอยู่ในขั้นตอนชันสูตรพลิกศพ ที่ โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ สมุทรปราการ ส่วนผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นพ่อ ยังอยู่ในอาการโคม่ามีบาดแผลถูกมีดบาดที่คอเป็นแผลลึก 1 แผล และที่ข้อมือซ้ายมีรอยมีกรีดอีก 1 แผล แพทย์ยังดูแลอย่างใกล้ชิดในห้องไอซียู ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อายัดตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้แล้ว จากการสอบสวนทราบว่าสาเหตุที่ทำให้เป็นหนี้จนโดนกรมบังคับคดียึดบ้าน เกิดจากการที่ นาย สาณิช ดอกไม้ อายุ 43 ปี ผู้ก่อเหตุ ไปค้ำประกันรถยนต์ให้เพื่อนจนเป็นหนี้ก่อนที่จะมาถูกแอพเงินกู้หลอกซ้ำ


ภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพสุดท้ายของสองลูกชายครอบครัว ก่อนถูกบิดาฆ่าปาดคอขณะที่เพื่อนบ้านแห่เสียใจกับทางครอบครัวเผยเป็นคนดีมีน้ำใจตลอด


ผู้ตายขับรถกระบะสีขาวมีหลังคาด้านหลัง เข้าออกหมู่บ้านหลายครั้ง และในเวลา 17.48 น. วันเดียวกัน โดยรอบนี้ได้ขับรถกระบะสีขาวคันเดิมเข้ามาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้บริเวณหลังรถกระบะมีลูกชายทั้ง 2 คนของนายสาณิช นั่งมาด้วย ซึ่งตอนที่นั่งผ่านป้อมยาม ก็ยังมีการทักทายกับ รปภ. ด้วยการโบกมือทักทายกันก่อนจะขับเข้าบ้านพักกระทั่งมาเกิดเหตุในช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา


นายกฤษดา เผยด้วยเสียงสั่นคลอว่า ส่วนตัวเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกัน รู้จักกันมานานแล้ว และเอ็นดูเด็กๆมาก สามีภรรยาคู้นี้เป็นคนดี ไม่มีทีท่าว่าจะไปทางรุนแรงเลย ส่วนตัวรู้สึกสลดใจที่มันเกิดเรื่องแบบนี้ เป็นทางออกที่ดูแล้วอาจไม่สมเหตุสมผล แต่อาจจะด้วยความกดดันหลายๆด้าน เขามีปัญหา แต่เขาไม่เคยพูดคุยถึงปัญหาส่วนตัวให้ฟัง ปัญหาเท่าที่ดู เขามีหมายศาลมาที่บ้านบ่อย มาจากต้นเหตุเรื่องรถ ที่เถ้าแก่คนเก่าของเขาให้เขาไปค้ำ แล้วเถ้าแก่เขาก็หนีไปแล้ว และตัวเขาก็ต้องมารับผิดชอบแทน วงเงินไม่แน่ใจคาดประมาณ 4 แสนกว่าบาท ส่วนบ้านก็จะโดนยึดขายทอดตลาด ส่วนรถยังจอดอยุ่หน้าบ้าน ด้านภรรยาของเขาทำงานโฟร์โมส ซึ่งทั้งสองคนสามีภรรยาก็ยังทำงานปกติ วันเกิดเหตุตนก็ได้ยินเสียง แต่เหมือนเขาเปิดเสียงทีวีกลบ เพราะได้ยินเสียงทีวีดังมาก แล้วตนไปเรียกเท่าไหร่ก็ไม่เปิดประตู ตนจึงโทรแจ้งความ ตอนแรกยังนึกว่ากินยาฆ่าตัวตาย ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นเด็กๆก็ยังรอด แต่ตนก็ไม่คาดว่าเขาจะเลือกใช้วิธีการนี้ เราเองก็สลดใจและเสียใจมาก ซึ่งไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้กับน้องที่รู้จักกันเลย และก่อนหน้านี้เมื่อวาน เห็นรถสีออกบรอนซ์มาจอด มีผู้ชายกับผู้หญิงรวมประมาณ 5 คน คาดว่าเป็นเจ้าหนี้ มาที่บ้าน แต่ตนก็ไม่แน่ใจ ได้ลงมาคุยที่หน้าบ้านอยู่พักใหญ่ และตอนที่ผู้ก่อเหตุเขาจะขับรถออกไป ก็ยังโบกมือทักทายกันตามปกติ แต่เราก็ไม่รู้ว่าปัญหาเขาคืออะไร และมันจะหนักขนาดนี้ เขาอาจจะโดนกดดัน จากเจ้าหน้าหนี้ด้วย และเพิ่งมาทราบประเด็นทีหลังว่าภรรยายังมาโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ซึ่งภรรยาก็คงอยากเอาเงินส่วนนี้มาช่วยแบ่งเบาหนี้สามี

นายนราเศรษฐ์ โภคินธัญสิทธ์ อายุ 64 ปี (เพื่อนบ้าน) เผยว่า ตอนนั้นประมาณเที่ยงคืน ตนเองหลับอยู่ หัวหน้าเขาโทรมาบอกผม ให้ช่วยไปดู เพราะผู้ชายที่ก่อเหตุ เขาโทรไปบอกหัวหน้าว่า เขาฆ่าลูกเมียหมดแล้ว เขาโทรมาให้เราไปช่วยเตือนสติผู้ชาย แล้วเราก็เลยรีบวิ่งลงมาจากบ้าน และชวนเพื่อนข้างบ้านกัน ช่วยกันตะโกนเรียก ก็เห็นว่าบ้านล็อค เสียงเงียบหมด เราก็เลยโทรหาตำรวจ จะได้เปิดได้ เราก็ช่วยกันงัดกันเปิด กว่าตำรวจจะมา ซึ่งเมื่อเข้าไป พบภรรยาเขา และลูกคนเล็กก็นอนนิ่งไปแล้ว บาดแผลที่เห็นลูกคนเล็กมีบาดแผลจากมีดที่คอ ส่วนภรรยานอนตะแครงไม่เห็น จึงขออนุญาตเปิดเข้าไป และรีบขึ้นไปข้างบนเพราะยังมีเด็กอีกคน ไปเปิดห้องผู้ชายก่อเหตุ เขาก็อยู่ในสภาพนอนหงายอยู่แต่ยังมีชีวิตอยู่ และไปเปิดห้องน้ำไม่มี จึงไปเปิดอีกห้องนึง เจอลูกชายเขาอีกคนนอนหงายเสียชีวิตแล้ว ปกติผู้ก่อเหตุเขาไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวหรือระบายอะไรให้ฟัง แต่เคยพูดอยู่ครั้งนึงว่า เขาเคยไปค้ำประกันรถและจะโดนยึดบ้าน และมีหมายศาลมา เขาเป็นคนดีมาก ดีจริงๆ อย่างผมเคยกวาดถนนเขาเองยังเคยมาช่วยกวาดถ้าเขาอยู่ (พูดเสียงสั่น)ไม่คิดว่าเป็นแบบนี้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเป็นแบบนี้ได้ ก่อนที่จะเกิดเรื่อง เคยมีข้างบ้านเล่าให้ฟังว่า มีคนมาเยอะแยะเลย คาดมาทวงหนี้ ตอนหลังภรรยาเขาก็อยากจะช่วยสามี เลยไปกู้เงินในแอพเงินกู้แล้วโดนหลอก เขายังไปแจ้งความ โดนหลอกไปหลายบาท มันอาจจะฉนวนด้วย ทั้งจะโดนยึดบ้านและยังโดนหลอกอีก แล้วมารู้อีกว่าเขาไปกู้จากในโรงงานมาอีกเพื่อจะมาช่วย แต่ก็มาโดนแอพเงินกู้หลอก


พ.ต.อ. รังสรรค์ คำสุข รักษาราชการแทน ผกก.สภ.บางแก้ว ระบุว่า จากการตรวจสอบครอบครัวนี้พบว่าก่อนหน้านี้คือช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางภรรยาของผู้ก่อเหตุได้ดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนว่าถูกแอฟเงินกู้นอกระบบในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน โดยเริ่มจากติดต่อขอกู้เงินหนึ่งแสนบาท แต่ถูกให้โอนยอดไปยังบัญชีปลายทาง เพื่อเป้นค่าดำเนินการ ค่าเปิดระบบ อะไรต่างๆจนกระทั่งมีการโอนเงินไปกว่าล้านบาท ซึ่งหลังจากที่พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความก็มีการสั่งการอายัดบัญชีดังกล่าวและอยุ๋ในระหว่างดำเนินติดตามตัวบัญชีปลายทางเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งหลังจากนี้จะได้เร่งรัดฝ่ายสืบสวนไปดำเนินการสืบสวนติดตามขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว


พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ และรวบรวมพยานหลักฐาน เชื่อว่าผู้ก่อเหตุลงมือก่อเหตุ เพราะมีความเครียดเรื่องหนี้สิน ส่วนกรณีที่ถูกแอปพลิเคชั่นเงินกู้หลอกโอนเงินไปกว่า 1.7 ล้านบาทนั้น ตอนนี้ตำรวจชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการติดตามข้อมูลเร่งไล่ล่า ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.) พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะลงพื้นที่มาติดตามความคืบหน้าคดีนี้ด้วยตนเอง
ส่วนอาการของ นายสาณิช ผู้ก่อเหตุ ล่าสุดมีรายงานขณะนี้แพทย์สามารถช่วยชีวิตจนพ้นขีดอันตรายแล้วแต่ยังคงต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลเนื่องจากบาดแผลที่ลำคอค่อนข้างลึก
****************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ