ข่าวพาดหัวทุกข์ชาวบ้าน

พบอีกโนติส “ปังชา” ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เรียกค่าเสียหาย 2 ล้านบาท อ้างละเมิดผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสิทธิบัตรของผู้อื่น

01-09-66 พี่เสือ นักข่าวสงขลา
พบอีกโนติส “ปังชา” ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เรียกค่าเสียหาย 2 ล้านบาท อ้างละเมิดผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสิทธิบัตรของผู้อื่น ซึ่งเป็นถ้วยไอศกรีมใส่ปังชาลักษณะคล้ายกัน เจ้าของร้านจำใจเลิกใช้ถ้วยไอศรกรีมที่ซื้อมาราว 10 ปีแล้ว เพราะ ไม่อยากมีปัญหา และต้องจ่ายค่าเสียหายสูงลิ่ว วอนภาครัฐและผู้รู้กฎหมายช่วยให้ความกระจ่าง


ความคืบหน้าเรื่องการละเมิดเครื่องหมายการค้า “ปังชา” หลังพบโนติสจากบริษัทเจ้าของแบรนด์ดังที่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าส่งถึงเจ้าของร้านชา 2 เจ้า ใน จ.เชียงราย และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อขอให้ยุติการละเมิดลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า พร้อมกับเรียกค่าเสียหายเป็นเงินมหาศาล รวมทั้งคิดค่าล่าช้าเป็นรายวัน จนกลายเป็นกระแสทัวร์ลงทั้งในโลกออนไลน์ และเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศนั้น


ล่าสุดวันที่ 1 ก.ย. 66 เกี่ยวกับเรื่องนี้ปรากฏว่า ยังพบเจ้าของร้านที่ถูกยื่นโนติสในลักษณะดังกล่าวจากทางเจ้าของแบบรนด์ “ปังชา” เพิ่มอีก 1 ราย โดยเป็นเจ้าของร้าน “Tang Jai Chong – ตั้งใจชง” ซึ่งตั้งอยู่ในย่าน ถ.จิระนคร เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา และทางเจ้าของร้านได้โพสต์ผ่านหน้าเฟซบุ๊คของตัวเอง หลังจากพบว่า มีร้านชาหลายร้านโดนโนติสเรียกเงินในลักษณะเดียวกันนี้
หลังผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังร้านดังกล่าวทราบว่า ทางหญิงสาวเจ้าของร้านเพิ่งออกเดินทางไปกรุงเทพฯ หลังได้รับเชิญไปออกรายการดังในกรณีที่เจ้าของแบรนด์ “ปังชา” ได้ส่งโนติสเรียกค่าเสียหายจากร้านชาหลายแห่ง


โดยจากการสอบถามและทางสื่อโซเเชี่ยลของเจ้าของร้านทราบว่า ร้านนี้เปิดมาได้ราว 6 ปี แล้ว และหยุดขายในช่วงโควิดไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาเปิดใหญ่อีกครั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยขายจำพวกชา กาแฟ เบเกอร์รี่ ของหวาน นำแข็งไสต่างๆ
และต่อมาเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา ทางร้านได้รับโนติสจากสำนักงานทนายความเจ้าของแบรนด์ “ปังชา” ในเอกสารลงวันที่ 28 เม.ย. 66 ระบุหัวข้อให้ทางร้านยุติการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสิทธิบัตรของผู้อื่น พร้อมกับอ้างถึงสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ และรูปถ่ายผลิตภัณฑ์ถ้วยไอศกรีม โดยหากไม่ทำตามจะมีการเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 2 ล้านบาท และดำเนินคดีตามกฎหมายกับทางเจ้าของร้าน


ซึ่งทางร้านหลังได้รับจดหมายก็ตกใจมาก และหยุดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นถ้วยไอศกรีมลักษณะคล้ายกับที่ทางเจ้าของแบรนด์ “ปังชา” ส่งมาอ้างถึงการเป็นเจ้าของสิทธิบัตรในตัวผลิตภัณฑ์ ในทันทีเนื่องจากไม่แน่ใจว่า จะผิดกฎหมายหรือไม่ และไม่อากมีปัญหาหาตามมาในภายหลัง
สำหรับถ้วยไอศกรีมของของทางร้านที่ถูกกล่าวถึงนั้น จะใช้สำหรับใส่ของหวานเมนูปังเย็นชาไทย ปังเย็นโกโก้ ปังเย็นชาเขียว และเมนูปังหนาว โดยมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่มีจุดแตกต่างกันที่ของทางร้านจะเป็นถ้วยแบบ 3 แฉก แต่ของแบนรด์ปังชาเป็นถ้วย 4 แฉก รวมทั้งที่ขาถ้วยก็แตกต่างกันด้วย โดยของทางร้านขาถ้วยหุบเข้าใน แต่ของแบรนด์ปังชสจะผายออกนอก
ซึ่งถ้วยแบบนี้ทางเจ้าของร้านได้ซื้อมาจากตลาดนัดจตุจักร กรุงเทพฯ เมื่อราว 10 ปีก่อน ซื้อมาราว 1 โหล และปัจจุบันได้หยุดใช้ไปแล้ว เพราะ กลัวว่าจะมีปัญหากับเจ้าของแบรนด์ปังชา


ทั้งนี้ทางเจ้าของร้านระบุว่า หลังได้รับโนติสก็ไม่รู้ว่าทางร้านของตนจะทำผิดกฎหมายหมายอะไรหรือไม่ แต่ได้หยุดใช้ถ้วยที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันไปก่อนแล้ว โดยอยากที่จะให้ทางภาครัฐ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย ออกมาชี้แจง และให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ด้วย เพื่อที่ทางร้าน และผู้ประกอบการในลักษณะเดียวกันนี้ ได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน และสามารถประกอบอาชีพต่อไปได้อย่างสบายใจ และถูกต้องตามกฎหมาย