ข่าวทั่วไป

สมุทรปราการ-ชีวิตรันทด!! “น้องฟ้า” สาวน้อยวัย 14 ปี เด็กกำพร้า สู้ชีวิตเพียงลำพัง หลังจากสูญเสียยายที่เลี้ยงดู

สมุทรปราการ-ชีวิตรันทด!! “น้องฟ้า” สาวน้อยวัย 14 ปี เด็กกำพร้า สู้ชีวิตเพียงลำพัง หลังจากสูญเสียยายที่เลี้ยงดู

ผู้สื่อข่าว ได้รับการประสานขอความช่วยเหลือ “น้องฟ้า” หรือ ด.ญ. กุลสตรี นะธร อายุ 14 ปี เด็กกำพร้าที่ พ่อและแม่ แยกทางกันตั้งแต่น้องยังเด็ก หลังจากที่พ่อแม่แยกทางกัน น้องฟ้าสาวน้อยผู้นี้ก็ได้พักอาศัยอยู่กับคุณยายแท้ๆ ที่คอยเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อยตัวเล็กๆ แต่น้องฟ้าก็ต้องมาสูญเสียคุณยายอันเป็นที่รักเมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ทำให้น้องฟ้าเด็กกำพร้าต้องดิ้นรนและสู้ชีวิตอยู่เพียงตามลำพังมีเพียงคนในชุมชนที่คอยเป็นห่วงและให้กำลังใจเธอเสมอมา

หลังจากที่ทราบข่าวและปัญหาความเดือดร้อน จึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อช่วยเหลือเด็กสาวรายนี้ หลังจากที่ได้ลงพื้นที่ภายในชุมชน ใต้สะพานโซน 1 หรือประชาอุทิศ 76 ทางคณะกรรมการและประธานชุมชนแห่งนี้ได้พาผู้สื่อข่าวเดินไปยังบ้านที่น้องฟ้าพักอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นบ้านปูนเก่าๆ แคบๆ หลังเล็กๆ เลขที่ 24 / 168 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร ซึ่งพื้นที่ภายในชุมชนแห่งนี้ มีบ้านเรือนประชาชนจำนวนกว่า 250 หลังคาเรือน เป็นพื้นที่ให้เช่าของทางการเคหะ เสียค่าเช่าเดือนละ 40 บาท ส่วนใหญ่คนในชุมชนแห่งนี้ประกอบอาชีพขายของเก่า ขายพวงมาลัย ก่อสร้าง รวมถึงพนักงานโรงงาน และทีมข่าวจึงได้พบกับน้องฟ้า หรือ ด.ญ.กุลสตรี นะธร อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม. 2 โรงเรียนวัดทุ่งครุ ทางผู้สื่อข่าวจึงได้มีโอกาสพูดคุยสอบถาม พร้อมทั้งเดินสำรวจภายในบ้านที่น้องฟ้าพักอาศัยอยู่ พบว่าสภาพภายในบ้านมีสภาพที่ไม่แข็งแรงคงทน ประตูหน้าต่างก็มีสภาพที่ทรุดโทรมไม่ปลอดภัย เนื่องจากสภาพไม้ที่เก่าและทรุดโทรมทำให้ไม้มีรูแตกแยกตามช่องประตู กลอนประตูหน้าต่างก็มีสภาพที่ชำรุดเสียหาย อีกทั้ง ประตูห้องน้ำก็พังชำรุดเสียหาย ประกอบกับพื้นภายในห้องน้ำก็มีรอยแตกร้าวและพร้อมที่จะพังลงได้ทุกเวลา

และจากการสอบถามน้องฟ้า หรือ ด.ญ.กุลสตรี นะธร นักเรียนชั้น ม. 2 โรงเรียนวัดทุ่งครุ เธอเปิดเผยความรู้สึกทั้งน้ำตา โดยน้องฟ้า กล่าวว่า ครั้งที่คุณยายยังมีชีวิตอยู่เคยเล่าให้เธอฟังว่าพ่อแม่ของเธอแยกทางกันตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ พ่อก็มีภรรยาใหม่ส่วนแม่ก็มีสามีใหม่ จากนั้นคุณยายก็ได้เลี้ยงดูอุปการะเธอเรื่อยมาและพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้กลับคุณยายเพียงลำพัง 2 คน แต่หลังจากนั้น เมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา คุณยายได้ล้มป่วยลงด้วยโรคประจำตัวและได้เสียชีวิตลง หลังจากที่คุณยายได้เสียชีวิตลงแล้ว เธอก็ใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังในชุมชนแห่งนี้ โดยมีคุณยายจิตต์ พิรักษา อายุ 68 ปี เพื่อนบ้านหลังข้างๆ ในชุมชน รวมถึงคณะกรรมการและประธานชุมชน ที่ให้ความรัก ความเป็นห่วงดูแลเธอเรื่อยมาหลังจากที่ได้สูญเสียคุณยายไป น้องฟ้ายังเล่าอีกว่า หลังจากที่เลิกเรียนทุกวันเธอจะมากินข้าวที่บ้านของคุณยายจิตต์เป็นประจำทุกวัน และจากการสอบถามน้องฟ้าถึงค่าใช้จ่ายค่าเดินทางไปโรงเรียนโดยน้องฟ้ากล่าวว่า หลังจากที่พ่อทราบข่าวคุณยายเสีย ทางพ่อก็มาหาบ้างในตอนแรกๆ และโอนเงินมาให้เธอใช้บ้างเป็นบางครั้งบางสัปดาห์ สัปดาห์ละไม่กี่ร้อยบาทซึ่งไม่เพียงพอต่อค่าเดินทางค่ากินค่าอยู่ในการดำรงชีวิตแต่ละวัน มีเพียงคุณยายจิตต์เพื่อนบ้านในชุมชนและทางคณะกรรมการชุมชนที่คอยให้ความช่วยเหลือพร้อมทั้งให้กำลังใจเธอเรื่อยมา และสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคือน้องฟ้าต้องการทุนการศึกษาจากทางโรงเรียนวัดทุ่งครุที่เธอได้ศึกษาอยู่ และหากเป็นไปได้เธออยากขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ใจบุญให้เข้ามาช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านที่เธอพักอาศัยอยู่ซึ่งเป็นบ้านที่มีสภาพที่ทรุดโทรมมากและไม่ปลอดภัยในการใช้ชีวิตเพียงลำพัง

จากการสอบถามคุณยายจิตต์ พิรักษา อายุ 68 ปี ผู้ที่ดูแลช่วยเหลือน้องฟ้า กล่าวว่า ตนเองมีความรู้สึกสงสารน้องฟ้า เพราะเด็กคนนี้เป็นเด็กที่เรียนดีและตั้งไจเรียน เป็นคนพูดน้อย ประกอบกับก่อนหน้านี้ตนเองก็มีความคุ้นเคยกับคุณยายของน้องฟ้าเป็นอย่างดี เนื่องจากบ้านพักอาศัยอยู่ติดกันและในช่วงเวลาหลังเลิกเรียนตนเองก็จะโทรติดต่อหาน้องฟ้าเป็นประจำทุกวัน เนื่องจากมีความเป็นห่วงเพราะน้องฟ้าเป็นเด็กผู้หญิงและกำลังโตเป็นสาว โดยหลังจากที่น้องฟ้ากลับมาถึงบ้านตนเองก็จะชวนน้องฟ้ามากินข้าวที่บ้านเป็นประจำทุกวัน และคอยให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินไปกินที่โรงเรียน เพราะเนื่องจากบางสัปดาห์ที่พ่อโอนเงินมาให้น้องฟ้าก็ไม่เพียงพอในการดำรงชีวิตแต่ละวันและบ่อยครั้งที่พ่อก็ไม่ได้โอนเงินให้ลูกเลย อย่างไรก็ตาม ทางคุณยายจิตต์ก็ให้ความช่วยเหลือได้ในระดับหนึ่งเท่านั้นเพราะว่าคุณยายจิตต์เองก็ไม่ได้มีรายได้อะไร คุณยายจิตต์ ยังกล่าวต่ออีกว่า หากว่าเราไม่ดูแลเขา แล้วใครจะมาดูแลเขา อีกอย่างเราก็เห็นเค้ามาตั้งแต่ยังเป็นเด็กครอบครัวของน้องเขาเราก็รู้จักดี ทุกวันนี้ให้ข้าวกินเพราะมองว่ารักเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่งเป็นห่วงเรื่องอนาคตของเขา ขนาดพ่อแม่ยังทอดทิ้งไปโดยไม่เหลียวแลแค่นี้สภาพจิตใจของน้องฟ้าก็แย่พออยู่แล้วจึงอยากขอให้ผู้ใหญ่ใจบุญและสังคมรวมถึงทางโรงเรียนช่วยเหลือดูแลเขาให้กำลังใจเขาในการต่อสู้ชีวิตต่อไป

จากนั้น ผู้สื่อข่าวจึงได้ประสานขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิ กิรัน แคร์ โดยมีนางสาว กิรันบาลา ชานเกอร์ ประธานมูลนิธิ กิรัน แคร์ ให้ช่วยเข้ามาดูแลและให้การช่วยเหลือเรื่องความเป็นอยู่ของเด็กกำพร้ารายนี้ โดยทางมูลนิธิ กิรัน แคร์ ได้ลงพื้นที่ภายในชุมชนแห่งนี้ พร้อมกับผู้สื่อข่าว และได้ทราบข่าวถึงความลำบาก ความเดือดร้อนรวมทั้งความเป็นอยู่ของเด็กกำพร้าผู้นี้ โดยทาง นางสาวกิรันบาลา ชานเกอร์ ประธานมูลนิธิ กิรัน แคร์ รู้สึกมีความห่วงใยและเมตตาสงสารน้องฟ้าที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง อีกทั้งคุณยายที่เคยเลี้ยงดูก็มาตายจากไป จากนี้ไปทางมูลนิธิ กิรัน แคร์ ภายใต้การประสานขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าว โดยมูลนิธิจะเข้ามาให้ความช่วยเหลือน้องฟ้าโดยทางมูลนิธิ กิรัน แคร์ รับปากที่จะสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับน้องฟ้าให้มีสภาพที่แข็งแรง คงทนและน่าอยู่เพื่อเป็นกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตต่อไป หลังจากนี้จะให้ทางช่างเข้ามาประเมินและสำรวจค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมด รวมถึงระยะเวลาในการก่อสร้างเพื่อให้ระยะเวลาในการก่อสร้างรวดเร็วที่สุด
สุรศักดิ์ คงสินธิ์-ธนวัต นาคขำ สมุทรปราการ