ข่าวทั่วไป

หนุ่มเมียนมา แบกร่างเพื่อนขึ้นตุ๊กๆ จะไปฝากมูลนิธิช่วยเผา สุดท้ายแบกกลับมาทิ้งหน้าหอพัก

หนุ่มเมียนมา แบกร่างเพื่อนขึ้นตุ๊กๆ จะไปฝากมูลนิธิช่วยเผา สุดท้ายแบกกลับมาทิ้งหน้าหอพัก
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 29 กันยายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิต อยู่บริเวณหน้าร้านขายของชำ ถนนอมรเดช ใกล้กับหอชมเมือง อ.เมืองฯ จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ เดินทางตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุ พบร่าง นายเยา อายุ 40 ปี ชาวเมียนมา นอนเสียชีวิตอยู่ริมถนน ซึ่งเป็นรายเดียวกันกับที่มีชายชาวเมียนมาสองคนนำขึ้นรถตุ๊ก ๆ ไปที่มูลนิธิ หลังทราบเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยว่าการเสียชีวิตน่าจะไม่ปกติ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก่อนคุมตัว นายวินัย อายุ 52 ปี ชาวเมียนมา และนายจะ อายุ 29 ปี ชาวเมียนมา ซึ่งเป็นสองคนที่พาร่างของผู้ตายไปที่มูลนิธิ มาสอบสวน ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ กระทังทราบว่า ทั้งสองเป็นเพื่อนผู้ตาย


นายวินัย เล่าว่า ตนเองรู้จักกับนายเยา (ผู้ตาย) มากว่า 2 ปี แล้ว เมื่อวานตอนเย็นประมาณ 16.00 น. นายอ่อง เดินทางมาหาตนที่ห้องพัก เขามีอาการไม่สบายด้วย ปกติตอนเย็นตน และ ผู้ตาย ก็จะกินเหล้ากันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ ตนก็เตือนให้ผู้ตายกินแค่นิดเดียวพอเพราะผู้ตายไม่สบายอยู่ ก็ต้องระวังตัวด้วย ก็กินกันไปประมาณครึ่งขวด แล้วก็ต่างคนต่างนอน ตอนเช้าตนก็จะไปทำงาน ตนก็ให้ผู้ตายเก็บเหล้าที่เหลือครึ่งขวด แล้วตนก็ไปทำงาน พอเย็นกลับมาก็เห็นผู้ตายไม่สบายหนักกว่าเก่า ตนก็เตือนไม่ให้ผู้ตายกินเหล้าและบอกกับผู้ตายว่าตนจะเอาไว้กินพรุ่งนี้เช้าคนเดียวเลย ตนก็ทำกับข้าว นายจะ ก็มา พร้อมซื้อเหล้าขาวมาด้วยกลมนึง (ขวดเท่ายาชูกำลัง) ขณะที่ตนสองคนกำลังกินกันอยู่ ผู้ตาย ก็ขยับเข้ามาใกล้ ๆ แล้วขอกิน ตนก็ให้กินไปแก้วนึง แล้วเขาก็ขออีกแก้ว แล้วอยู่ดี ๆ เขาก็ชัก ตนก็ตกใจ ตนก็คิดว่าจะเอาไปส่งโรงพยาบาล ตนจึงขับมอไซค์ไปเรียกรถตุ๊กๆ ที่ตลาด ตอนนั้นประมาณ 2 โมงกว่า เกือบ 3 โมงเย็น พอมาถึงก็เห็นผู้ตายหมดสติไปแล้ว ผู้ตายนิ่งไปแล้ว ตอนนั้นตัวเขายังอ่อนอยู่ ตนและเพื่อนจึงได้หิ้วปีกลงมาจากห้อง พอขึ้นรถตุ๊กๆ ตัวผู้ตายแข็งและไม่หายใจแล้ว ตนก็ตกใจ ตนไม่รู้จะทำยังไง เพราะเหตุการณ์อย่างนี้ตนไม่เคยเจอและไม่รู้จะต้องทำยังไง ไปไหนไม่ถูก จะพาไปโรงพยาบาลหรือจะต้องพาไปมูลนิธิดี ตนเคยเป็นผู้ช่วยพยาบาลมาก่อน ตนดูแล้วรู้ว่าผู้ตายเสียชีวิตแล้ว ตนก็ไม่รู้ว่าผู้ตายมีญาติพี่น้องหรือเปล่า เพราะตนไม่เคยเห็นญาติเขาเลย ตนก็เลยนำร่างผู้ตายไปมูลนิธิ มูลนิธิเขาก็ไม่รับเขามีกฎหมายอยู่ เขาให้ไปโรงพักแจ้งความก่อน ตนก็ไม่รู้ ตนก็ไม่กล้าพามาโรงพักจึงกลับไปที่หน้าตึกหอพัก ตนก็คุยกับคนไทยว่าเหตุการณ์มันเป็นมายังไงแล้วให้คนไทยเขาโทรเรียกรถโรงพยาบาลให้ ผู้ตายเขานอนอยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขาทำงานที่ตลาด ตนกับผู้ตายรู้จักกันมานานแล้วแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เหตุการณ์นี้ตนพึ่งเคยเจอ ตนทำอะไรไม่ถูกไม่รู้จะต้องทำยังไงไปไหนไม่ถูกเลย ก็โดนสอบสวนอยู่นี้ ปกติผู้ตายเขาก็ดื่มอยู่ ทั้งเช้าและเย็น หลังเลิกงาน เขาชอบเป็นตะคิว ตนกับผู้ตายไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน ตนแค่ช่วยผู้ตายก็โดนมาสอบอยู่อย่างนี้ ทางกฎหมายตนก็ไม่รู้ แต่ตนก็เข้าใจ เพราะมีคนตาย แต่ตนก็บริสุทธิ์ใจ
ส่วนทางด้านนางแวว (นามสมมุติ) เจ้าของหอพัก กล่าวว่า ระหว่างที่ตนเองนั่งอยู่หน้าหอพัก พบเห็นนายวินัยและนายจะแบกร่างเพื่อนลงมาจากห้อง ในสภาพตัวเหลืองไม่มีสติ นายวินัยบอกว่าเพื่อนไม่สบาย ให้ตนเรียกรถตุ๊กๆให้หน่อยจะพาเพื่อนไปโรงพยาบาล กระทั่งรถมาถึง ทั้งสองจึงรีบประคองร่างเพื่อนขึ้นและรีบนำไปโรงพยาบาล เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง จู่ๆทั้งสองก็พาร่างเพื่อนกลับมาที่เดิม ตนเองจึงถามว่าทำไมกลับมาเร็ว นายวินัยแจ้งว่ามูลนิธิเค้าไม่รับ ด้วยความสงสัยตนเองจึงถามไปว่าทำไมไปโรงพยาบาลไปมูลนิธิทำไม จนได้ทราบจากปากนายวินัยว่าเพื่อนน่าจะเสียชีวิตแล้ว เจ๊ช่วยแจ้งตำรวจให้หน่อย
นายธนกร วานิชสุจิต เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ กล่าวว่า ช่วงเย็นวันนี้ขณะที่ตนเองอยู่ในห้องวิทยุ มีชาวเมียนมาทั้งสองคนมีท่าทีรุกรนนำร่างผู้ตายใส่รถตุ๊กๆ เข้ามาที่มูลนิธิ และมาแจ้งว่าจะขอฝากศพเผาที่มูลนิธิให้หน่อย ขณะนั้นตนจึงบอกว่าให้เอาศพไปที่โรงพักเพื่อแจ้งความก่อน จากนั้นทั้งสองก็นั่งรถตุ๊กๆกลับไป เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง ได้รับแจ้งว่า มีผู้ป่วยบริเวณข้างหอชมเมือง แต่เมื่อไปไปถึงพบว่า เป็นรายเดียวกันกับที่คนพามาที่มูลนิธิ จึงได้ประสานตำรวจเข้าร่วมชันสูตร ซึ่งตั้งแต่ทำงานตนเองก็ไม่เคยเจอ คนเอาศพใส่รถมาให้มูลนิธิเผา ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
***************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ