ปวีณาช่วยด.ญ.ชาวลาววัย 12 ปี ถูกนายจ้าง กต.ตร.หื่นข่มขืน ประสานตร.ออกหมายจับแล้ว
วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เวลา 15.00 น.
“ปวีณา” ลงพื้นที่สน.ทุ่งครุ ช่วยด.ญ.วัย 12 ปี ชาวลาว หนีพ่อแม่จากประเทศลาวมารับจ้างทำงานบ้านได้ 3 วัน ถูกนายจ้างผู้ชายข่มขืนอ้างว่าเป็นตำรวจ เด็กโร่ร้องมูลนิธิปวีณาฯ “ปวีณา” ประสาน พ.ต.อ. ธงชัย บัวรังษี ผกก.สน.ทุ่งครุ ออกหมายจับนายจ้างหื่นแล้ว!! พบเป็นคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) สถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่งในจ.สมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีทันที
สืบเนื่องจากวันที่ 29 ก.ย.66 ป้าพา ด.ญ.ดาว (นามสมมติ) หลานสาววัย 12 ปี ทั้งสองเป็นชาวลาว เดินทางมาที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ป้าแจ้งว่า นายหน้าพาด.ญ.ดาว ที่นับถือตนเหมือนป้าเดินทางมาจากลาวไปรับจ้างทำงานบ้านอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งย่านทุ่งครุ กรุงเทพฯ โดยเจ้าของบ้านจ่ายเงินให้ 2,500 บาท กับนายหน้า เพื่อมาทำงานวันที่ 26 ก.ย.
ต่อมาวันที่ 29 ก.ย. 66 เพื่อนของ ด.ญ.ดาว ส่งข้อความมาหาป้าว่า ด.ญ.ดาว ถูกนายจ้างข่มขืน เมื่อป้าทราบจึงโทรหา ด.ญ.ดาวเพื่อสอบถาม ด.ญ.ดาว บอกป้าว่าถูกนายจ้างผู้ชายข่มขืนจริงโดขไขกุญแจเข้าไปกลางดึกตอนตี 1 แล้วบอกว่าเจ๊นายจ้างให้เข้ามานอนด้วย ด.ญ.ดาว ขัดขืนแต่ถูกใช้แรงผลักบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ จากนั้นป้าได้พูดโทรศัพท์กับนายจ้างผู้หญิงถามว่านายจ้างผู้ชายได้ข่มขืน ด.ญ.ดาว หรือไม่ นายจ้างหญิงได้ตอบปฏิเสธ ป้าจึงขอรับตัว ด.ญ.ดาว กลับไป เจ๊ไม่ขัดข้องหาก ด.ญ.ดาว อยากกลับไปด้วย เมื่อป้าเดินทางไปรับ ด.ญ.ดาว นายจ้างผู้หญิงบอกให้รอเฮียก่อน เฮียกำลังตามมา ทางป้าเกรงจะไม่ปลอดภัยจึงนั่งรถออกมาไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจพาหลานเข้าขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ
ด.ญ.ดาว กล่าวว่า หนูอยากทำงานหาเงินเพื่อนจึงชวนมาที่ไทยโดยที่หนูไม่ได้บอกพ่อแม่ นายหน้าเรียกเก็บเงิน 6 พันบาท เป็นค่าเดินทางและหานายจ้างให้ วันที่ 26 ก.ย.66 หนูได้ไปทำงานบ้านและเลี้ยงลูกให้กับสามีภรรยาคู่หนึ่ง ตกลงค่าจ้างที่เดือนละ 9 พันบาท โดยกินนอนอยู่ที่บ้านนายจ้าง โดยหนูจ่ายเงินค่านายหน้าจำนวน 500 บาท ส่วนนายจ้างจ่าย 2,500 บาทให้แก่นายหน้า แต่ทำงานอยู่ได้ 3 วัน
“คืนวันที่ 29 ก.ย.66 หนูเข้าห้องนอนและล็อกห้องไว้ ช่วงตี 1 จู่ๆ นายผู้ชายได้ใช้กุญแจไขประตูเข้ามาในห้องและใช้กำลังข่มขืนหนูบังคับไม่ให้หนูร้องขอความช่วยเหลือ หนูสู้แรงไม่ไหวและกลัวจนตัวสั่น นายผู้ชายกระทำจนสำเร็จความใคร่ก่อนจะออกไปจากห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอตอนเช้าหนูได้บอกเรื่องนี้กับเจ๊นายจ้างเขารีบซื้อยาคุมฉุกเฉินให้หนูกินและบอกว่าไม่ให้เอาเรื่อง ส่วนนายผู้ชายก็บอกว่าเขาเป็นตำรวจทำอะไรเขาไม่ได้ ถ้าหนูไปแจ้งความตำรวจก็จะจับหนูเพราะหลบหนีเข้าเมือง หนูกลัวมากขอช่วยหนูด้วย”
หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.ธงชัย บัวรังษี ผกก.สน.ทุ่งครุ กทม. เเละประสาน น.ส.กุลจิรา โฉมไสว หัวหน้าบ้านพักเด็กเเละครอบครัวกรุงเทพมหานคร มูลนิธิปวีณาฯ ได้รับเด็กผู้เสียหายเข้ารับการคุ้มครองที่บ้านพักเด็กฯ ทันที ก่อนจะนัดหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พร้อมเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กกรุงเทพฯ พา ด.ญ.ดาว ไปแจ้งความที่สน.ทุ่งครุ ในวันที่ 30 ก.ย. พร้อมสอบสหวิชาชีพและตรวจร่างกายหลังดำเนินการแจ้งความเสร็จพนักงานสอบสวนได้พาด.ญ.ดาว ไปชี้บ้านที่เกิดเหตุ ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ นายจ้างที่ก่อเหตุในข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี, ให้ที่พักพิงคนต่างด้าว, จ้างแรงงานผิดกฎหมาย ก่อนที่ พ.ต.อ.ธงชัย บัวรังษี ผกก.สน.ทุ่งครุ จะนำกำลังตำรวจเข้าจับกุมตัวนายจ้างมาดำเนินคดี
วันที่ 1 ต.ค. 66 นางปวีณาฯ ได้เดินทางมาพร้อมพนักงานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก เพื่อประชุมกับ ผกก.สน.ทุ่งครุ ซึ่งทางตำรวจได้แจ้งว่าขณะนี้ได้ศาลได้อนุมัติให้ออกหมายจับและหมายค้นบ้านหลังดังกล่าวแล้ว
นางปวีณา กล่าวว่า เด็กต่างด้าวหลบหนีเข้าประเทศไทยมาหางานทำเพราะความยากจน แต่กลับมีบุคคลกลุ่มหนึ่งอาศัยความยากลำบากของเด็กเอามาเป็นเครื่องมือของการทำมาหากินโดยพาเด็กไปค้าแรงงานเถื่อนซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.