พ่อเฒ่าวัย 64 ปี ร้องสื่อถูกทำร้ายร่างกายนานนับเดือนพอไปแจ้งความคดียังไม่ทันไปถึงไหน คู่อริเอาขวดปาถล่มบ้านกลางดึกหวั่นไม่ปลอดภัย
วันที่ 8 ตุลาคม 2566
เวลา 18.50 น.
ที่ สน.ท่าข้าม นางสาว แพรทองรัก สินหมั่น อายุ 35 ปี และ นางสาว นิตยา ยิ่งบุรุษ อายุ 46 ปี 2 สาวใหญ่ร้องสื่อขอความช่วยเหลือเรื่องพ่อ ของนางสาว แพรทองรัก สินหมั่น ถูกทำร้ายร่างกายบริเวณหน้าบ้านของตนเองภายในซอยพระรามที่ 2 ซอย 69 เหตุเกิดวันที่ 12 กันยายน 2566 แล้วก็เคยแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้แล้วที่ สน.ท่าข้าม โดยมี พ.ต.ท. ทศพล ปานกัน สว.สอบสวน สน.ท่าข้าม ได้รับแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้แล้ว และเมื่อช่วงเวลา 01.00 น. ของวันนี้ได้มีคู่อริมาพร้อมกับพวกมาเขย่าประตูหน้าบ้านของตนเองจนพังและใช้ก้อนหินและขวดโซดาขว้างปาใส่บ้านของตนเองจนได้รับความเสียหายโดยมีขวดโซดาที่ปาเข้ามาในบ้านถูกตนเองจนได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ด้านซ้ายมีอาการปวดเจ็บและบวมเป็นผื่นแดง และกลุ่มคู่อริดังกล่าวยังข่มขู่จะทำร้ายร่างกายตนเองจึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย ก็เลยพากันมาแจ้งความร้องทุกข์แล้วลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อนเพื่อเป็นหลักฐานและเพื่อเอาผิดกับคู่อริตามกฎหมายต่อไป โดยมี พ.ต.ท. พิทักษ์ หอมทอง สว.สอบสวน สน.ท่าข้าม ได้รับแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากแจ้งความเป็นที่เรียบร้อยแล้วต่อมาตนเองและเพื่อนจึงไม่กล้าที่จะกลับที่พักจึงต้องอาศัยหลับนอนอยู่หน้า สน.ท่าข้าม เพื่อความปลอดภัย
จากการสอบถาม นางสาว แพรทองรัก สินหมั่น อายุ 35 ปี พร้อม นางสาว นิตยา ยิ่งบุรุษ อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหาย กล่าวว่า มีผู้ชายอายุประมาณ 38-40 ปี มาทำร้ายร่างกายพ่อของ นางสาว แพรทองรัก แล้วก็เลยมาแจ้งความเมื่อวานนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนที่เรากลับบ้านไปแล้วเมื่อคืนนี้ได้มีคู่อริพร้อมพวกได้มาปาขวดใส่หลังคาบ้านของ นางสาว แพรทองรัก แล้วมีขวดกระเด็นเข้าไปถึงภายในบ้านจนโดนร่างกาย ของนางสาว แพรทองรัก จนได้รับบาดเจ็บ และก็มาเขย่าประตูหน้าบ้านจนได้รับความเสียหายอีกด้วย เราก็เลยเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยในชีวิต และคิดว่าพวกตนเป็นคนจนจึงเกรงว่าเรื่องราวมันจะเงียบหายไป เหตุการณ์เมื่อคืนมันมืดมากตนเองก็พยายามถ่ายคลิปเอาไว้แล้วก็ได้ยินแต่เสียงแต่ไม่เห็นตัวแต่ตนก็มั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือของคู่อริกับพวก แน่ๆเพราะเราก็ไม่เคยไปมีเรื่องมีราวกับใคร เพราะตัวของคู่อริ ก็เคยบอกเอาไว้ถ้าเกิดเราตายหรือเป็นอะไรไปก็คือฝีมือของตัวเขาเองนั่นแหละ ก็เลยยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่เลยว่าต้องเป็นฝีมือของเขาแน่ๆ
หลังจากนั้นทางด้านนางสาว แพรทองรัก สินหมั่น อายุ 35 ปี และ นางสาว นิตยา ยิ่งบุรุษ ผู้เสียหาย จึงได้โชว์หลักฐานทางเอกสารและเปิดคลิปวีดีโอต่างๆให้กับทางผู้สื่อข่าวดูเพื่อเป็นการยืนยันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
และเมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านจุดเกิดเหตุ พบจุดเกิดเหตุเป็นลักษณะบ้านไม้ชั้นเดียวอยู่ภายในซอยพระราม 2 ซอย 69 แขวง แสมดำ เขต บางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร เป็นบ้านไม่มีเลขที่ เมื่อผู้สื่อข่าวไปถึงยังพบกับขวดโซดาตกอยู่บริเวณที่พื้น 1 ขวดและยังมีร่องรอยจากเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่
ทางด้าน นาย หนูริด สอนมั่น อายุ 64 ปี ผู้บาดเจ็บบอกเล่าว่า เรื่องมีอยู่ว่า ตนเองนั่งอยู่หน้าบ้าน คู่กรณีมาแซวเด็กลูกหลานที่วิ่งเล่นไปมา ผู้หญิงที่เก็บของอยู่หน้าบ้านเค้าก็ยกเท้าใส่ ตนก็พูดว่า เป็นอย่างที่เค้ายกเท้าใส่ เค้าเลยไม่พอใจ เดินเข้ามาหาตน ครั้งแรกเอาไม้มาตีหัวตน 3-4 ที หัวแตก พอครั้ง 2 มาทำร้ายตนอีก เอาไม้เอาอะไรมาทุ่มใส่ตน แต่ไม่โดน ไปโดนตรงประตูสังกะสีที่มันขาดอ่ะ พอครั้งที่ 3 เดินมากระชากคอเสื้อแล้วเอามีดมาจะปาดคอ แต่ตนเบี่ยงหลบเลยโดนบาดที่แก้มเป็นรอย ตนก็ไปแจ้งความที่ สน. ตำรวจก็ให้ไปโรงบาลตรวจร่างกาย ตนก็ไปโรงบาลมะลิ พอลูกตนไปแจ้งความที่ สน. กลับมา เมื่อคืนก็มาหาเรื่องอีก เอาขวด เอาไม้ มาเขวี่ยงปาใส่เข้ามาในบ้านของตน ตะโกนด่าทอโหวกเหวกโวยวาย อีก ปกติก็ไม่มีมาปาขวดปาไม้ใส่บ้าน แต่พอมีเรื่องแล้วลูกตนไปแจ้งความเท่านั้นแหละ มีขวดมีไม้มีก้อนหินเขวี่ยงปาเข้ามา ขวดก็ขวดในวงเหล้าที่นั่งกินกันนั่นแหละ แต่ตอนปาตนไม่เห็นมันมืด แต่ขวดก้อนหินที่ปาเข้ามาตนยังไม่เก็บไปไหน ยังอยู่ที่เดิม รอให้ร้อยเวรเข้ามาดูเอง
แล้วทีนี้ก็ต้องมาย้อนเหตุการณ์ต้นเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตรงนี้ต้องย้อนไปถึง วันที่ 12 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 09.00 น. นายหนูริด อายุ 64 ปี ได้นั่งอยู่บริเวณหน้าบ้านของตนเอง หลังจากนั้นคู่อริ ซึ่งรู้จักกันกับ นาย หนูริด ได้มีอาการเมาสุราเข้ามาพูดต่อว่า ” เมิงอยากตายเหมือนกับพ่อกูเหรอ และทางนาย หนูริด ได้ตอบโต้กลับไปว่า ” ตายก็ตายไม่เกี่ยวกับกูเรื่องของพ่อเมิงสิ ” และเมื่อทางคู่อริ พูดจบ ได้หยิบไม้ไผ่ที่เป็นแผง มาฟาดเข้าบริเวณกลางศรีษะ ของนาย หนูริด 3 ครั้ง และกลับออกไป และ กลับมาอีกครั้งที่บริเวณ นาย หนูริด นั่งอยู่ แต่คราวนี้มาพร้อมกับมีดทำครัวยาวประมาณ 6 นิ้ว และดึงคอเสื้อของ นาย หนูริด แล้วปาดคอแต่ นาย หนูริด หลบทัน จึงไปโดนที่แก้มของนาย หนูริดเป็นแผลได้รับบาดเจ็บ ต่อมาจึงไปรักษาที่โรงพยาบาล สหวิทยาการมะลิ หลังรักษาตัวจนอาการทุเลาลงแล้ว นาย หนูริด จึงเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.ท่าข้าม เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
และครอบครัวของ นาย หนูริด ทั้งหมดอยู่ในอาการตื่นกลัวแล้วเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเองอีกด้วยจึงอยากจะวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือตนเองและครอบครัวด้วย
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.