ข่าวพาดหัวฆาตกรรมทะเลาะวิวาท

ช่างอาคารเมาเหล้า ถูกเพื่อนร่วมงานฟันคอดับ

ช่างอาคารเมาเหล้า ถูกเพื่อนร่วมงานฟันคอดับ

เมื่อเวลา 19:30 น. วันที่ 16 ตุลาคม 2566

ร.ต.อ.ณัฐพงษ์ จริตงาม รอง สว. สอบสวน สน. บางขุนนนท์ ได้แจ้งเหตุ มีชายถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิต จุดเกิดเหตุ ภายใน ตึกอพาร์ตเม้นต์ ซอยจรัญสนิทวงศ์ แขวง บางขุนศรี เขต บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมด้วยแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน

ที่เกิดเหตุ เป็นอพาร์ตเมนต์ สูง3ชั้น เหตุเกิดภายในห้องเช่าชั้น1 ของอาคาร โดยพบร่างผู้เสียชีวิต เป็นชาย 1 ราย นอนหงายจมกองเลือด โดยพบบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณลำคอ ด้านซ้าย ร่องรอยถูกของมีคมฟัน โดยผู้ตายนั่นไม่สวมเสื้อ สวมใส่กางเกงขาสั่นฟุตบอล สีดำ ทราบชื่อ นายสุรเดช อายุ 37 ปี

 

จากการสอบถาม นางสาวมิ้น ( นามสมมติ ) พยานที่เกิดเหตุ เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 19:30 น. ตนเองได้ลงมาเอาผ้าที่ซักอยู่ทางด้านล่าง ได้ยินเสียงนายแสง ผู้ก่อเหตุ และ นาย เดช ผู้เสียชีวิต มีปากเสียงกัน ซึ่งตนเองจับใจความไม่ได้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ได้ยินในลักษณะของการทุบตีต่อยกัน โดยไม่ได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือ

ตนเองเห็นความผิดปกติ จึงเดินเข้าไปดูที่เกิดเหตุ เปิดผ้าม่านไปดู ปรากฏว่าพบนาย เดช นอนเสียชีวิตภายในที่เกิดเหตุแล้ว จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมายังที่เกิดเหตุ

ส่วนตัวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นเค้าทั้งสองคนทะเลาะวิวาทอะไร จึงไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่

โดยในช่วงเวลา 21.30 น. ตำรวจชุดสืบสวน สน. บางขุนนนท์ สามารถควบคุมตัว นาย แสง ผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ในบริเวณใกล้เคียง พร้อมกับ อาวุธมีดดาบไทย โดยควบคุมตัวมาชี้จุดที่บริเวณจุดเกิดเหตุ

จากการสอบถาม นายแสง ผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่า ตนเองยอมรับผิดที่เป็นผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจาก นาย เดช ผู้เสียชีวิต พูดจาไม่ดี เวลาเมาเราชอบหาเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องงาน ชอบหาว่าตนเองทำงานไม่ดี จนมีการไปบอกนายจ้างจะให้เหลือคนงานเพียงแค่คนเดียว

ช่วงเวลาเกิดเหตุ นาย เดช ผู้เสียชีวิต มีอาการมึนเมามาก และมีปากเสียงด่าทอตนเอง และพยายามจะนำมีดมาแทงตนเอง ตนเองจึงใช้มีดดาบ ฟันที่บริเวณคอ และไม่ได้ตั้งใจจะหลบหนี แต่ออกมาตั้งหลักและพยายามประสาน เพื่อขอมอบตัว

ส่วนตัวรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มันหมดความอดทนแล้ว เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาเห็นพี่ชายผู้เสียชีวิตมาที่เกิดเหตุ ซึ่งยังไม่ได้มีโอกาสได้พูดคุยอะไรกัน แต่ทุกครั้งที่มีการทะเลาะวิวาทกัน พี่ชายของผู้ตายยังไม่เข้าข้างเลย ตนเองยืนยันได้ว่าไม่ได้มีอาการมึนเมาแต่อย่างใดเพราะมีความดันโลหิตและโรคประจำตัว

ส่วนทางด้าน นาย เดชา อายุ 39 ปี พี่ชายผู้เสียชีวิต ยอมรับว่า น้องชายของตนเองเป็นคนมีฝีมือในการทำงานช่างไฟฟ้า มาทำงานอยู่ที่หอพักแห่งนี้ กับ นายแสง ซึ่งอาศัยห้องพักของนายจ้างอยู่ที่ เดียวกัน

ที่ผ่านมาทั้งสองคนเวลาไม่เมาก็พูดจาดี แต่ยอมรับว่าน้องชายตนเองเวลาเมาพูดจาไม่ค่อยดี แต่ถ้าไม่เมาก็ปกติดี ส่วน นาย แสง ผู้ก่อเหตุอายุมากกว่า และก็ดีกับตนเอง เวลาที่ทั้งสองคนทะเลาะกัน ตนเองก็จะคอยบอกลุงแสงว่าอย่าถือสา และบอกกับน้องชายตนเองเสมอว่าให้อภัยกัน

ยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นคนกลาง รู้สึกลำบากใจมาก เขาทะเลาะกันมากสุดก็แค่มีปากมีเสียงกัน ไม่คาดคิดจะก่อเหตุรุนแรงกันถึงขนาดนี้ ส่วนเรื่องคดีความให้เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมาย แม้ว่าน้องชายของตนเองจะเป็นคนนิสัยไม่ดีเวลาเมา แต่ตนเองก็รักเพราะว่ามีน้องชายเพียงแค่ตนเดียว

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลศิริราช เข้าทำการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต และ เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยสืบสวนได้มีการควบคุมตัวนาย แสงไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจเพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติมต่อไป

โดยเวลา 22.44 น. เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิปอเต็กตึ๊ง ได้มีการเคลื่อนย้ายศพผู้เสียชีวิตออกจากที่เกิดเหตุ เพื่อนำส่ง สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลศิริราช

ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ได้มีการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ พบว่ามีขวดสุรา และมีอุปกรณ์เสพยาเสพติด และมีสารเสพติดประเภทยาไอซ์จำนวนหนึ่ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานไปประกอบสำนวนคดีต่อไป

ชุติเดช ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.