วันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 เวลา 15.00 น.
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. ราษฎร์บูรณะ ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในซอยประชาอุทิศ 17 จึงรีบรุดจัดกำลัง พร้อมประสาน อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ( อปพร.เขตราษฎร์บูรณะ ) เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัย ราษฎร์บูรณะ เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสาสมัครหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยมาถึงที่เกิดเหตุพบจุดเกิดเหตุเป็นลักษณะบ้านไม้ชั้นเดียวไม่มีเลขที่ อยู่ภายในซอยประชาอุทิศ 17 ถนน ประชาอุทิศ แขวง ราษฎร์บูรณะ เขต ราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวดัดแปลงเป็นร้านอาหารตามสั่ง พบแสงเพลิงและกลุ่มควันเกิดขึ้นภายในบริเวณจุดที่ใช้ประกอบอาหาร แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปบริเวณต้นเพลิงได้เหตุเพราะเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวไม่อยู่ ชาวบ้านและอาสาสมัครต้องช่วยกันเอาน้ำตักใส่ถ้วยถังกะละมังหม้อเร่งช่วยกันดับไฟอย่างทุลักทุเล จนกระทั้งเจ้าหน้าตำรวจติดต่อทางเจ้าบ้านหลังดังกล่าวกลับมาถึงจึงได้เปิดประตูเข้าไปจนถึงจุดเกิดเหตุได้ และใช้น้ำ 1 หัวฉีดทำการระงับเหตุเพลิงจุงสงบและทำการปิดวาวถังแก๊สเป็นผลสำเร็จ ตรวจสอบโดยรอบสถานที่เกิดเหตุไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ใชเวลาในการระงับเหตุเพียง 10 นาที
และจากการสอบถาม นาง วาสนา อายุ 61 ปี อาศัยอยู่ข้างบ้าน ได้กลิ่นเหม็นไหม้ เลยเดินออกมาหาว่ากลิ่นไหม้มาจากไหน ก็เห็นควันลอยออกมาบนหลังคาจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ และก็บอกชาวบ้านให้ช่วยกันเอาน้ำมาราดดับไฟไม่ให้ลามไปบ้านข้างเคียง ตอนเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ แต่ปกติจะเปิดเป็นร้านอาหารตามสั่ง พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ป้าก็ตกใจ กลัวจะไหม้เยอะแล้วลามไปบ้านตน แต่ดีที่ไหม้ไม่เยอะ และช่วยกันดับได้ทัน
เบื้องต้นเจ้าของบ้านให้การยอมรับกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนเองได้นึ่งปลาเอาไว้แล้วออกไปทำธุระนอกบ้านแล้วลืมปิดเตาแก๊สก็เลยอาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
จากการสำรวจตรวจสอบจากทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพบความเสียหายตรงบริเวณที่ประกอบอาหารและหลังคาบ้าน แล้วมีทรัพย์สินตรงบริเวณดังกล่าวเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวข้างบ้านไม่สังเกตุเห็นและแจ้งทางเจ้าหน้าที่ไม่ทันการณ์ก็อาจจะเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้ก็เป็นได้ ช่วงนี้อากาศแห้งและลมแรง ก็ควรที่จะระมัดระวังในเรื่องของฟืนไฟ ทำอาหารภายในบ้านเมื่อทำเสร็จแล้วก็ควรที่จะปิดวาวแก๊สให้แน่นสนิททุกครั้ง และสายไฟภายในบ้านเมื่อครบอายุการใช้งานก็ควรที่จะให้ช่างผู้ชำนาญการมาดำเนินการปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงให้ดีขึ้นและอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีแล้วก็ต้องปลอดภัยเพื่อช่วยกันป้องกันการเกิดเพลิงไหม้ภายในบ้านได้ และยังเป็นการช่วยกันสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นภายในชุมชนของเราเองอีกด้วยถ้าเราช่วยกัน
ชุติเดช ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.