วันที่ 3 ธ.ค.66 รายงานข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมจากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า ล่าสุดตั้งแต่ในช่วงเช้าที่ผ่านมาฝนได้หยุดตกลงแล้ว แต่ท้องฟ้ายังคงมีเมฆฝนมืดครึ้มแพรปกคลุมทั้ง 13 อำเภอ ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำท่วมขังพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนของประชาชน ที่ปลูกสร้างอยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม 4 อำเภอ คือ ยี่งอ แว้ง สุไหงปาดีและระแงะ จำนวน 18 ตำบล 46 หมู่บ้าน ที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินเมื่อวานนี้ที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำท่วมขังลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเหลือเพียง 16 ตำบล 39 หมู่บ้าน โรงเรียนถูกน้ำท่วมขัง 3 แห่ง
แต่ถึงอย่างไรก็ตามแม้สภาวะฝนที่หยุดตก แต่ก็ยังส่งผลทำให้แม่น้ำโก-ลก ซึ่งรองรับมวลน้ำป่าจากเทือกเขาสันกาลาคีรี ซึ่งมีต้นกำเนิดในพื้นที่ อ.สุคิริน ได้ไหลลงมาสมทบกับปริมาณน้ำฝนที่ตกสะสมตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.66 จนถึงปัจจุบัน เพื่อไหลระบายลงสู่ทะเลปากอ่าวด้าน อ.ตากใบ มีปริมาณน้ำล้นตลิ่งโดยสูงกว่าระดับตลิ่ง 0.54 ม. จนได้ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนของประชาชน โดยเฉพาะในหมู่บ้านน้ำตก ม.5 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก มีปริมาณน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 50 ถึง 90 ซ.ม. ซึ่งมีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนกว่า 100 คน ต่างต้องอพยพสิ่งของสัมภาระที่จำเป็นหนีระดับน้ำท่วมขัง และได้นำยานพาหนะทุกชนิดมาจอดที่บริเวณปากซอยทางเข้าหมู่บ้านและบริเวณริมถนนใหญ่ เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้แล้วผลพวงของแม่น้ำโก-ลกล้นตลิ่งในครั้งนี้ ยังส่งผลทำให้บ้านเรือนของประชาชนที่ปลูกสร้างอยู่ตลอดแนวริมตลิ่ง เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จำนวน 4 ชุมชน คือ ชุมชนหัวสะพาน ชุมชนท่าประปา ชุมชนท่าเจ๊ะกาเซ็งและชุมชนท่าชมพู โดยมีปริมาณน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 50 ซ.ม. ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก เกิดจากสภาวะน้ำในแม่น้ำโก-ลก ได้ซึมเข้ามาบริเวณรอยต่อของแผงเหล็กที่ปิกกั้นเขื่อนกั้นน้ำ โดยทางนางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ได้ขอสนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 9 เครื่อง มาติดตั้งตามชุมชนต่างๆตลอดแนวริมตลิ่ง เพื่อเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังอยู่ในชุมชนในกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
ข่าว/ซาการียา/จ.นราธิวาส