จากกรณีที่มีเฟซบุ๊คชื่อว่า Aroon Kab ได้โพสต์ข้อความว่า ” รบกวนสมาชิกกลุ่มด้วยครับ ช่วงเวลาประมาณ11:30-12:00น ท่านไหนพบชายลักษณะคล้ายในคริป ได้มาขโมยบันไดอลูมิเนียมไป3ตัว แถววัดโป่งตามุข มุ่งหน้าไปทาง4แยกมาบโป่งรบกวนช่วยแจ้งเบาะแสให้หน่อยครับ เผื่อเอาไปขายที่ไหนสักแห่งอยากได้บันไดคืนครับ รายละเอียดเพิ่มเติมถามในคอมเม้นได้เลยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ ” พร้อมกับคลิปภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพชายสวมเสื้อสีฟ้าขี่รถ จยย.แบกบันไดอชูมิเนียมผ่านหน้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว
วันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังพื้นที่หมู่ 1 ตำบลหนองหงส์ อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ได้พบกับนายพนาวัล รื่นรมย์ ชาวบ้านในพื้นที่และเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์ จุดที่ 75 เขตหนองหงส์ ได้เล่าว่าผู้ก่อเหตุในคลิปชื่อเขตเคยมีเงินถึง 40 ล้านบาท มีรถสปอร์ตหรูขับ เพราะขายที่ดินได้ จากนั้นนายเขตได้ใช้จ่ายเรื่องส่วนตัวจนเงินหมดและมีปัญหาเรื่องครอบครัวและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจนถูกดำเนินคดีและเคยก่อเหตุเผารถจำนวน 14 คันวอดเสียหายในเขตพื้นที่ ตำบลหนองตำลึง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี และได้ถูกดำเนินคดีจนพ้นโทษไปแล้วและล่าสุดนายเขตได้ตะเวนไปมาขโมยของเล็กๆน้อยๆจนชาวบ้านเห็นจนชินตาพอแจ้งความดำเนินคดีตำรวจมาจับแต่ก็ต้องปล่อยเพราะทำอะไรไม่ได้เนื่องจากนายเขตเป็นผู้ป่วยจิตเวชและยังให้ยาและรักษาตัวอยู่ แต่นายเขตไม่เคยทะเลาะหรือทำร้ายใครมีบ้างที่ตะเวนขโมยของแค่นั้น
แต่ชาวบ้านก็ยังหวาดกลัวว่านายเขตจะคุ้มคลั่งทำร้ายชาวบ้านอยากให้ตำรวจเอาตัวไปรักษาบำบัดให้หายดีก่อนดีกว่าต่อมาผู้สื่อข่าวได้ขับรถตะเวนไปตามเส้นทางพานทอง- หนองกาน้ำ หมู่ 1 ตำบลหนองหงส์ อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ได้พบกับนายวสิทธิ์ นันทิวัธวิภา อายุ 34ปี หรือนายเขตผู้ก่อเหตุกำลังยกโต๊ะหินอ่อนอยู่ในร้านขายโต๊ะหินอ่อน ซึ่งพยายามสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น นายเขตได้เล่าว่า ตอนนี้ตนได้มาทำงานยกของในร้านโดยเจ้าของร้านก็จ้างทำงานเป็นรอบโดยให้รอบละ 100 บาท ถ้ามีงานหลายรอบก็ได้หลายบาท บางวันไม่มีงานก็ไม่มีเงินตนก็จะออกหาเก็บของเก่าขายเพื่อเอาเงินมาซื้อข้าวซื้อน้ำกิน ตนยอมรับเมื่อก่อนตนเคยรวยมีเงิน40 กว่าล้าน เพราะขายที่ได้ จากนั้นก็ได้ซื้อของที่อยากได้และเลี้ยงเพื่อนฝูงตนเป็นคนรักเพื่อนเมื่อ 5 ปีก่อน ตนก็จำได้ว่าไปก่อเหตุเผารถ ก็ถูกดำเนินการตามกฎหมายไปแล้วและพ้นโทษแล้วส่วนที่ว่าตนไปขโมยของนั้นเป็นเรื่องเก่าปัจจุบันตนไม่ได้ออกหาขโมยแล้ว ก็อยากขอโทษกับขอโอกาสสังคมให้ตนได้ทำงานและอยู่ในสังคม ตนไม่ได้กลับไปทำแบบนั้นอีกแล้วและเรื่องยาเสพติตนก็เลิกและไม่เคยไปยุ่งแล้ว
ทางด้านนางเฉลียว สว่างพิมพ์ อายุ 58 ปี เจ้าของร้านขายโต๊ะหินอ่อนได้เล่าว่า ตนเห็นนายเขตเดินไปมาอยู่แถวร้านเป็นประจำบางวันก็มาขอน้ำขอข้าวกินตนเห็นเลยสงสารเลยเรียกให้มาทำงานเพื่อแลกเงินโดยจะจ้างเป็นเที่ยวให้ค่าแรงเที่ยวละ100-150บาท ถ้าวันไหนหลายเที่ยวก็ได้เยอะแล้วแต่งาน ตนไม่ได้ให้มาทำประจำมีงานถึงจะเรียกมาทำตนก็เคยได้ยินชาวบ้านเขาลือกันว่านายเขตเป็นขโมยชอบลักเล็กขโมยน้อย จากที่ด้เห็นก็ยังไม่มีท่าทีและนายเขตก็ไม่เคยขโมยของในร้านเลยสักครั้ง ตนก็เลยไม่ได้คิดอะไรมากและก็ไม่เคยไปยุ่งเรื่องส่วนตัวและชีวิตของนายเขตเพราะตนจะเรียกใช้งานแค่นั้น เคยมีชาวบ้านมาเตือนให้ระวังตนก็คอยสังเกตแต่ก็ไม่มีอะไร มีบ้างบางครั้งที่ตนระแวงว่านายเขตจะอาละวาดคุ้มคลั่งทำร้ายแต่ทางญาติก็บอกว่ายังรักษาตัวเรื่องจิตเวชอยู่ตนก็ต้องระวังตัวตลอดเวลาอยู่แล้วและยังมีลูกชายช่วยเฝ้าร้านอีกคน