เด็กหญิงวัย 14 ปี ขอความช่วยเหลือจากครูแถวบ้านว่าถูกพี่ชายต่างพ่อกระทำชำเรานานนับปี ครูประสานพม.เข้าช่วย
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ก.พ. ที่สน.บางพลัด เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้พาด.ญ.ข้าว (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนมัธยมวัดดุสิตาราม มาจากอพาร์ทเม้นท์ไม่มีชื่อ ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 49 แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม. เข้าพบพ.ต.ท.เอกสิทธิ์ มงคลวิสุทธิ์ รอง ผกก.(สอบสวน)สน.บางพลัด เพื่อต้องการแยกตัวน้องออกจากครอบครัวเนื่องจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าน้องข้าวถูกพี่ชาย อายุ 15 ปี ข่มขืนมานานเกือบปี อีกทั้งทราบว่าสภาพแวดล้อมครอบครัวที่พักอาศัยไม่เอื้ออำนวยแก่ตัวเด็ก
ผู้สื่อได้โทรศัพท์ไปสอบถาม ครูเอ๋ ผู้ที่แจ้งพม.เข้ามาช่วยเหลือ เปิดเผยว่า คุณครูอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านบางเขน (รร.กองทัพบกอุปถัมภ์เพชราวุธวิทยา ในพระอุปถัมภ์ฯ) และเปิดร้านขายของชำใต้อพาร์ทเม้นท์อยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 49 สืบเนื่องจากในช่วงเวลา 22.00 น. วันที่ 15 ม.ค. น้องข้าวเดินมาบอกครูว่า”โดนพี่ชายข่มขืนมานาน 1 ปี แต่ไม่กล้าบอกผู้ปกครอง” คงจะรู้ว่าตนเป็นครูจึงกล้ามามาขอความช่วยเหลือ สอบถามเบื้องต้นทราบว่าแม่มีลูก 4-5 คน แต่คนละพ่อ แม่พักกับพ่อใหม่กับลูกน้อย 1 ห้อง ส่วนน้องข้าวพักอยู่กับตาและพี่ชายคนละพ่อ อายุ 15 ปี มักถูกกระทำตอนที่ตาไม่อยู่ห้องเพราะมีอาชีพเป็นรปภ.อพาร์ทเม้นท์อื่น ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 49 จากนั้นตนเรียกคุณแม่คุณพ่อใหม่คุณตา มาสอบถามพูดคุยจนทราบว่าผู้ปกครองมีท่าทีไม่ค่อยดูแลไม่ค่อยจะสนใจ ส่วนคุณแม่อายุ ประมาณ 25 ปี มีคดีความเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดและไม่ได้ประกอบอาชีพใด ตนจึงกำชับให้ไปแจ้งความคดีกระทำชำเรา สน.บางพลัด จากนั้นทางพนักงานสอบสวนจึงออกเอกสารให้ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแล้วเช้าวันถัดไปมาให้การกับตำรวจพร้อมสหวิชาชีพ แต่พอเช้าอีกวันกลับไม่ไปหาตำรวจ จนผ่านมาเดือนกว่าเมื่อวานน้องข้าวมาหาตนบอกว่ายังใช้ชีวิตเหมือนเดิมตำรวจยังไม่ทำอะไรเลย ตนจึงได้แต่บอกว่าให้ไปหาตำรวจเพราะตนไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านี้เกรงว่าผู้ปกครองฝั่งน้องข้าวจะมีพฤติกรรมรุนแรงกับตนด้วยและตนก็ประสานสหวิชาชีพเข้าตรวจสอบดำเนินการในเช้าวันนี้
พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ มงคลวิสุทธิ์ รอง ผกก.(สอบสวน)สน.บางพลัด เปิดเผยว่า กลางดึกวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา ผู้ปกครองของน้องได้พากันมาแจ้งความไว้ว่าถูกกระทำชำเราแต่ไม่ได้ลงรายละเอียดไว้เลย ทางพนักงานสอบสวนจึงได้ออกเอกสารใบตรวจร่างกายให้จนถึงขณะนี้แพทย์ยังไม่ได้ส่งผลพิสูจน์มาให้พนักงานสอบสวนและอีกอย่างผู้ปกครองไม่ให้ความร่วมมือพอเช้าวันที่ 16 มกราคม ทางเจ้าที่ตำรวจได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้ปกครองแต่กลับไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อประสาน เจ้าหน้าที่สายตรวจไปยังที่พักกลับถูกปฏิเสธและบ่ายเบี่ยงที่จะเข้ามาให้การร่วมกับสหวิชาชีพในคดีดังกล่าว ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่มีความชัดเจนที่จะสืบทราบได้ว่าเกิดอะไรขึ้น จากการสอบถามน้องเบื้องต้นที่พม.พามา ทราบว่าพักห้องเช่าเป็นอพาร์ทเม้นท์อยู่กับตาและพี่ชายต่างพ่อ สภาพจิตใจเด็กยังปกติดี ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างประสานทางผู้ปกครองให้เข้ามาร่วมสอบปากคำพร้อมสหวิชาชีพ กับพม. เพื่อให้ผู้ปกครองรับทราบว่าทางพม.ต้องให้ผู้ปกครองรับรู้ก่อนว่าจะเอาตัวเด็กไปอยู่ในความคุ้มครองของพม. ด้านคดีความจะต้องสอบปากคำอีกครั้งหนึ่ง
ต่อมาเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเชิญตัวนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี พ่อของฝ่ายหญิงผู้ถูกกระทำมาร่วมรับฟังการสอบสวน กล่าวว่า ฝ่ายชายอายุ 15 ปี เรียนที่เดียวกัน อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็กพักอยู่ในห้อง 3 คนกับตา ส่วนตนพักอยู่อีกห้องกับบุตรอีก 1 คน ส่วนอดีตภรรยากับสามีใหม่และลูกน้อยพักกันอยู่อีกห้อง อยู่ภายในตึกเดียวกันแต่คนละห้อง จากการสอบถามว่าถูกกระทำอย่างไรลูกบอกว่ามีช่วงกลางคืนและตอนตาไม่อยู่เหมือนมาลักหลับตอนนอน ตนก็ไม่กล้าถามรายละเอียดแบบเจาะจงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และคิดว่าอยากให้ลองเอาเด็กชายไปตรวจหรืออบรมเพราะตนดูแล้วเหมือนคนป่วยอาจจะป่วยทั้งคู่ก็ได้ เนื่องจากมีอาการดูมึนงง แม้แต่ถามเกี่ยวกับเรื่องเพศเขาบอกไม่รู้คืออะไร ตนก็ลำบากใจเกิดเรื่องแบบนี้ที่ไม่อยากมาเพราะอยากสังเกตพฤติกรรมจากการเฝ้าดูทั้งคู่ก็ไม่เคยมีการกอดกัน หรือแสดงความรักต่อกัน หนุ่มสาวแบบนี้ไม่เคยมีเลย ตนก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะให้แจ้งข้อหายังไงมันพูดลำบากมันก็เหมือนเราไปทำร้ายเขา
น.ส.นวรัตน์ กิจชนะถาวร ผู้อำนวยการศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน วันนี้ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีน้อง ผู้หญิง 14 ปี ถูกพี่ชาย 15 ปี กระทำชำเรานาน 1 ปี แจ้งความผ่านมาเดือนกว่ากลับยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ทำให้เราต้องรีบมาตรวจสอบและช่วยเหลือพร้อมติดตามความคืบหน้าทางคดี ทราบว่าทางตำรวจก็เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายแล้วไม่ได้เงียบหาย ส่วนผู้ปกครองเด็กจากการพูดคุยประเมินทางครอบครัวแล้ว ทางครอบครัวมีแผนที่จะดูแล ส่วนทางพม.จะเฝ้าติดตามเป็นระยะและก็เยี่ยมบ้านเป็นระยะ พร้อมลงบันทึกไว้ด้วยว่าจะต้องดูแลเลี้ยงดูเด็กให้มีความเหมาะสม ถ้าเกิดไม่ทำตามในบันทึกเราก็จะมารับเด็กเข้าคุ้มครองต่อไป
น.ส.กุลจิรา โฉมไสว หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จริงๆแล้วทางครอบครัวมีการจัดการที่่ดีหลังทราบเหตุ โดนการให้ทั้งคู่แยกห้องกันอยู่และมีผู้ใหญ่อยู่ดูแลบ่อยขึ้น แต่ทางเด็กหญิงกลับรู้สึกว่าทำไม ถึงไม่มีใครทำอะไรกับพี่ชายเขาจึงไปต้องไปสอบถามความคืบหน้ากับพลเมืองดีและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางตำรวจได้ดำเนินการไปแล้วตามกระบวนการที่อาตจะต้องใช้เวลาสักนิดนึงในการสืบพยาน ส่วนคุณแม่ก็พร้อมจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เป็นผู้ปกครองฝ่ายผู้กระทำและผู้ถูกกระทำเพราะเขาเป็นผู้ปกครองทั้งสองฝั่ง หลังจากนี้จะมีการแยกห้องมีผู้ใหญ่อยู่แต่ละห้อง และขณะนี้เป็นช่วงปิดเทอมจะให้แยกกันอยู่แต่ละสถานที่ ส่วนประเด็นยาเสพติดจะมีกระบวนการติดตามอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้เรามองว่าทางครอบครัวยังมีศักยภาพในการที่สามารถดูแลเด็กได้ ก็เป็นประโยชน์สูงสุดที่เด็กจะได้อยู่กับครอบครัว เด็กจะได้เรียน เด็กยังดำเนินชีวิตได้ในแบบปกติต่อไป