14-03-67 พี่เสือ นักข่าวสงขลา
ผู้เสียหายจากการใช้บริการที่คลีนิกเสริมความงาม ที่ตั้งอยู่ชั้น 1 ของคอนโดมิเนียมชื่อดังแห่งหนึ่งในอำเภอ หาดใหญ่ จังหวัด สงขลา รวมตัวกันร้องเรียน หลังจากซื้อคอร์สเสริมความงามแล้วเข้าใช้บริการ แต่กลับพบว่า ผิวพรรณ หน้าตา ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แต่บางคนกลับทำให้ผิวใบหน้ามีร่องรอยจากการใช้เข็มจนทำให้วิตกกังวล
โดย 1 ในผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ตนเห็นโฆษณาจากในเฟซบุ๊ก และเมื่อสนใจ เพราะเห็นมีชื่อแพทย์ หรือที่รู้จักในวงการเสริมความงามว่า หมอแขวนป้าย ตนจึงสอบถาม ก่อนถูกชักชวนให้ไปที่คลีนิก กระทั่งตนเดินทางไปถึงคลีนิก ก็พบกับเซลล์ขายคอร์สเสริมความงามพยายามหว่านล้อมชักชวนให้ซื้อคอร์ส โดยไม่เปิดโอกาสให้ใช้เวลาตัดสินใจ ก่อนจะรวบรัดแกมบังคับ สุดท้ายตนหลงกลเชื่อ ใช้บัตรเครดิต ซื้อคอร์สบุฟเฟ่ ทั้งหมดราคา 50,000 บาท
จากนั้นก็ใช้บริการ 4 ครั้ง รวมค่าใช้บริการประมาณ 10,000 บาท ก็เริ่มรู้สึกว่า ใบหน้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิม และเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้บริการจากคลีนิกอื่นๆ ในเมืองหาดใหญ่ ก็แตกต่างกับการใช้บริการคลีนิกแห่งนี้ จึงไปปรึกษากับ สคบ. ทำให้รู้ว่า คลีนิกดังกล่าว มีผู้เสียหายยื่นเรื่องร้องเรียนจำนวนมาก และเมื่อ สคบ. ส่งหนังสือให้คลีนิก ไปพบเพื่อชี้แจง ก็เพิกเฉย จึงแนะนำให้ตนไปยื่นฟ้องต่อศาล คดีผู้บริโภค ซึ่งล่าสุดศาลก็พิพากษา ให้ตนชนะคดีแล้ว และเมื่อไปยื่นบังคับคดี กลับไม่พบว่า คลีนิกมีทรัพย์สินใดๆ ทั้งที่ทุน จดทะเบียนบริษัท 1,000,000 ล้านบาท จึงเริ่มพบความไม่ชอบมาพากล จึงพยายามหาผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่เป็นลูกค้าของคลินิกแห่งนี้จนขณะนี้รวบรวมได้มากกว่า 10 คนแล้ว และจากการสืบของผู้เสียหาย ก็ไม่พบว่าบัญชีที่ลูกค้าโอนเงิน เป็นของเจ้าของบริษัท แต่กลับพบว่า เป็นของคนสนิทกับคนดูแลคลีนิก เพราะไปพบรูปถ่ายอยู่ด้วยกัน
ด้านผู้เสียหายอีกคน ได้ตกลงซื้อคอร์สเสริมความงามราคา 19,000 บาท ตั้งแต่ปี 2564 บอกว่า ตนไปเห็นโฆษณาโปรโมชันฉีดโบท็อก 2,300 บาท จึงตัดสินใจซื้อแล้วไปใช้บริการ ก็เป็นปกติ จากนั้น เซลล์พยายามขายคอร์สโปรโมชันฉีดเลเซอร์ ซึ่งตนบอกแล้วว่า ยังมีคอร์สใช้บริการคลีนิกอื่นอยู่แล้ว แต่เซลล์ก็ยังคะยั้นคะยอพูดโน้มน้าวว่า สามารถเก็บไว้ได้ตลอดชีวิต จึงตัดสินใจซื้อคอร์สดังกล่าวไว้ แต่เมื่อจะมาใช้บริการกลับบอกว่า เครื่องฉีดเลเซอร์ชำรุด และพยายามให้ตนเปลี่ยนโปรโมชันอื่นแทน เมื่อสอบถามโปรโมชันฉีดฟิลเลอร์ ปรากฎว่า ราคา 12,000 บาท ซึ่งสูงจากที่อื่นที่จำหน่ายเพียง 4,000 บาท ซึ่งเซลล์ตอบกลับว่า ราคาแพงเพราะค่าวิชาชีพแพทย์ จากนั้นก็มีการแนะนำโปรโมชันฉีดหน้า ราคา 30,000 กว่าบาท แต่ไม่แจ้งตัวยาที่จะใช้ฉีด และบอกเพียงว่าเป็นตัวยาสูตรลับของคลีนิก ตนจึงหวาดกลัว ไม่ได้ซื้อคอร์สนี้ สุดท้ายจนถึงขณะนี้เงินซื้อคอร์ส 19,000 บาท ของตนยังไม่ได้ใช้บริการแม้แต่บาทเดียว ทั้งนี้ผู้เสียหายบางคน สูญเสียเงินมากกว่า 200,000 บาท และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการฟ้องร้อง
ขณะที่ผู้เสียหายอีกคน ที่ได้รับความเสียหายบริเวณใบหน้ารุนแรง บอกว่า หลังจากตนใช้บริการทำหน้าใส รักษาฝ้าและหลุมสิว ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เป็นครั้งที่ 9 ปรากฎว่าบริเวณใบหน้ามีร่องรอยของเข็มขึ้นเต็มใบหน้า บางจุดช้ำแดง ซึ่งแตกต่างจากครั้งก่อนๆ ที่ไปใช้บริการแล้ววันถัดไป สามารถแต่งหน้าไปทำงานได้ตามปกติ จึงสอบถามเซลล์ของคลีนิก เพราะตอนนั้นจิตตกเป็นอย่างมาก ก็ได้คำตอบว่า หลังการใช้บริการอาจจะมีอาการข้างเคียง 4-5 วัน ซึ่งตนได้ส่งรูปใบหน้าที่มีตุ่มและผื่นแดงไปให้เซลล์ตรวจสอบ สุดท้ายมีการติดต่อให้ตนไปรับยาจากคลีนิก แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น และเมื่อสอบถามว่า ใช้ตัวยาอะไรกับใบหน้าของตน เพื่อจะไปรักษากับแพทย์ที่อื่น แต่คลินิก กลับปกปิด ไม่ยอมให้ และล่าสุดตนได้ไปพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อรักษาอาการดังกล่าว แพทย์วินิจฉัยว่า ต้องใช้เวลาให้ตัวยาสลาย แล้วตุ่มบนใบหน้าค่อยๆ ยุบไปเอง
และล่าสุดคลีนิก ได้ติดต่อมาแล้วว่าจะให้รับผิดชอบอย่างไรบ้าง ซึ่งตนได้สอบถามกลับว่า หากเป็นใบหน้าของคุณเอง จะต้องรักษาอย่างไร และเท่าไหร่ เพราะตอนขอตัวยา เพื่อไปรักษากลับไม่ให้ อีกทั้งเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ตนมีความเครียดอย่างมาก สภาพจิตใจย่ำแย่ เพราะใบหน้ามีร่องรอยเข็มเป็นตุ่ม ผดผื่นแดง และหน้าบวม ซึ่งตนก็อยากให้คลีนิกรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ใบหน้าของตนกลับมาเหมือนเดิม และเยียวยาสภาพจิตใจด้วย และหลังจากนี้หากจะใช้บริการคลีนิกเสริมความงาม ก็ต้องตรวจสอบว่าคลีนิกที่ไปใช้บริการมีแพทย์ประจำ ไม่ใช้แพทย์หมุนเวียนเหมือนคลีนิกแห่งนี้
ขณะที่ล่าสุด นายแพทย์ สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบคลีนิกที่ถูกร้องเรียนแล้ว ซึ่งมีใบอนุญาตปิดไว้บนกระจกชัดเจน ขณะที่ประตูกระจกและรอบๆ มีการปิดป้ายประกาศที่ประตูกระจกว่า ปิดชั่วคราว และเมื่อตรวจสอบไปยังภายในคลีนิก ก็เห็นว่า เครื่องรูดบัตรเครดิต ยังคงแสดงผลหน้าจอเป็นปกติ