ข่าวพาดหัวทุกข์ชาวบ้านเพลิงไหม้

สระแก้ว – ผ่านไป 1เดือนคดียังไม่คืบ “เหตุจุดไฟเผาไร่อ้อย จนรุกรามไหม้บ้านประชาชนเสียหาย ยังหา คนรับผิดชอบไม่ได้“

สระแก้ว – ผ่านไป 1เดือนคดียังไม่คืบ “เหตุจุดไฟเผาไร่อ้อย จนรุกรามไหม้บ้านประชาชนเสียหาย ยังหา คนรับผิดชอบไม่ได้“

เมื่อวันที่14 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียน เหตุกรณี เกษตรกรชาวไร่อ้อย เผาอ้อย และเกิดไฟลุกลาม ไหม้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย เกือบทั้งหลังมูลค่าความเสียหายนับล้านบาท ผ่านไปเดือนกว่า แล้วยังไม่มีใครหรือหน่วยงานไหนออกมารับผิดชอบ ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ บ้านเลขที่ 104 หมู่ 6 ตำบลตาหลังใน อำเภอวังน้ำเย็น ซึ่งเป็นบ้านของนายไฉน น้อยนาดีอายุ 59 ปี ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์2567 เวลาประมาณ 14:30น. ซึ่งตอนนั้นตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้านมีแต่ภรรยาและหลานๆ อยู่บ้านกันเพียงลำพัง ได้มีเกษตรกรที่ปลูกอ้อยอยู่บริเวณรอบๆบ้านของตนได้เผาอ้อย เพื่อที่จะตัด ส่งโรงงาน แต่กระแสลมแรงได้พัดโหมไฟ หนักมาก ไม่สามารถคุมเพลิงที่ลุกไหม้ โหมหนักขึ้น จนได้พัดพาไฟเข้ามายังบริเวณบ้านของตน ซึ่งตอนนั้น ไฟลุกโหมมาแบบรวดเร็วและหนักมากซึ่งภรรยาของตนกับหลาน แทบหนีเอาชีวิตไม่รอด จึงได้หอบหิ้วหลานรีบวิ่งหนีออกมาจากตัวบ้านและไฟโหม เข้าโรงรถอย่างรวดเร็ว เหลังจากนั้นได้มีชาวบ้านที่เห็นเหตุ เหตุการณ์ ถ่ายคลิป วิดีโอ เหตุการณ์ในขณะนั้น ได้วิ่งเข้ามาช่วยและโทรเรียกรถดับเพลิง แต่ยังโชคดี ที่ อบต. อยู่ใกล้ รถดับเพลิงจึงวิ่งมาได้ไว แต่ถ้าหากช้ากว่า นี้ บ้านอาจจะไหม้หมดทั้งหลังแน่นอน ขนาดดับได้ไวแล้วความเสียหายที่เกิดจาก ความมักง่าย การเผาไร่อ้อย ก็ยังทำความเสียหายให้กับตน มากถึงขนาดนี้


จากการตรวจสอบ เบื้องต้น มีรถยนต์กระบะอีซูซุแคป หมายเลขทะเบียน บย-6476 สระแก้ว ที่จอดไว้ในบ้าน ได้รับความเสียหาย 1 คัน และสิ่งของอุปกรณ์เครื่องมือเกี่ยวกับการเดินสายไฟฟ้า ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด และยังมีรถจักรยานไฟฟ้า และมอเตอร์ไซค์ ที่ตนจอดไว้ เสียหายไปอีก 1 คัน หลังจากเกิดเหตุ ตนได้เข้าแจ้งความที่ สภ.วังน้ำเย็น และได้มีเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบบริเวณบ้าน พร้อมทั้งประเมินค่าเสียหายทั้งหมด ซึ่งสรุปออกมาทั้งหมด ประมาณความเสียหาย 1,500,000 บาท แต่ตอนนี้เวลาผ่านไปแล้ว เดือนกว่า ยังไม่สามารถ หาผู้ที่กระทำความผิดมารับผิดชอบได้เลย ตนจึงได้เดินทางไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดสระแก้ว แต่กลับได้คำตอบมาว่า ไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยานยังไม่สามารถร้องได้ ทางศูนย์ดำรงธรรม จึงไม่ สามารถ รับเรื่องร้องเรียนได้ ทำให้ลุงไฉนรู้สึกหมดหวังและเศร้าใจไปอีก ลุงไฉนยังได้ตัดพ้อต่อไปอีกว่า เวลาผู้ว่าราชการจังหวัด ออกจังหวัดเคลื่อนที่ก็จะรณรงค์ไม่ให้ เกษตรกร เผาอ้อย แต่ทำไมทุกวันนี้ถึง ยังมีการเผาอ้อย กันอยู่ทุกวันเลย และลุงไฉนยังได้วิงวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยากให้มองเห็นชาวบ้านตาดำๆ ที่ได้รับความเดือดร้อน ช่วยลงมา ดูแล หรือให้การช่วยเหลือตนเองบ้าง ” เนื่องจากบริเวณบ้านของตนเต็มไปด้วย ป่าอ้อยรอบบ้าน ทุกวันนี้ยังนอนผวา ไม่เคยหลับตาลงได้เลย สักวันต้องคอยระแวง กลัวว่าไฟ จะรามเข้ามาบ้าน ตนเองอีก เพราะทุกวันนี้ก็ยังมีคนเผาอ้อยกันอยู่ทุกคืน ลุงก็แค่อยาก ขอความเป็นธรรมและความเห็นใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือผู้หลักผู้ใหญ่ ให้มองเห็นชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนด้วย ลุงไฉนกล่าว ”

หลังจากผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุที่ได้รับความเสียหายหลายอย่าง แล้วตัวบ้านยังคงมีร่องรอยการถูกไฟไหม้เสียหายชัดเจน ต่อมา ผู้สื่อข่าว ยังได้พบกับ นายพิทักษ์ กล้าณรงค์ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 222 หมู่ 6 ตำบลตาหลังใน อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อยู่ ระแวกข้างๆ ติดกับบ้านของลุงไฉน ได้เดินมาหาผู้สื่อข่าว และเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ลุงเห็นเต็มตาว่ามีการจุดไฟเผาตรงไร่อ้อยแปลง ดังกล่าวที่ ห่างจากบ้านลุงพิทักษ์เล็กน้อย เห็นมีคนกำลังเดินจุดไฟหลังจากนั้นไฟจึงได้โหมเข้ามาที่บ้านของลุงไฉน เนื่องจากว่าวันนั้นลมค่อนข้างแรง ตนเองยืนยันว่า เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ในวันนั้นจริงๆ และ กล้าที่จะพูดความจริง เพราะสงสารลุงไฉนมาก ตนยืนยันว่าพร้อม ที่จะไปเป็นพยานและให้ปากคำ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในสิ่งที่ตนเองเห็น แต่ก็รอมาเดือนกว่า แล้ว ก็ยังไม่มี จนท.เรียกตนเองไปเพื่อสอบถามหรือสอบ ปากคำเลยแม้แต่คนเดียว ลุงยังพูดอีกว่า ทุกวันนี้นั่งจ้องแต่โทรศัพท์ ว่าเมื่อไหร่จะมีเบอร์แปลกๆโทรมาสักที ลุงพิทักษ์ กล่าว…นายยุทธนา พึ่งน้อยผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว 094-478-0777