ข่าวประชาสัมพันธ์ข่าวพาดหัวจับกุมลักลอบเข้าประเทศ

ตาก – ชุดเฉพาะกิจตำรวจ สภ.พบพระ นำกำลังดักซุ่มจับขบวนการนำพาต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ทั้งหมดเป็นชาวไทยภูเขาแอบขนแรงงานต่างด้าวเถื่อน กลางวันแสกๆ เพื่อหนีการจับกุมของด่านทหารที่ตรวจเข้มในช่วงเวลากลางคืน แต่ไปไม่รอดถูกตำรวจรวบได้ก่อนนำเข้ากรุงเทพฯ

ตาก – ชุดเฉพาะกิจตำรวจ สภ.พบพระ นำกำลังดักซุ่มจับขบวนการนำพาต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ทั้งหมดเป็นชาวไทยภูเขาแอบขนแรงงานต่างด้าวเถื่อน กลางวันแสกๆ เพื่อหนีการจับกุมของด่านทหารที่ตรวจเข้มในช่วงเวลากลางคืน แต่ไปไม่รอดถูกตำรวจรวบได้ก่อนนำเข้ากรุงเทพฯ

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567
พันตำรวจเอก ฉัตรชัย คำยิ่ง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพบพระ สั่งการให้ พันตำรวจโท สหสมหมาย บุญพอ รอง ผกก.ป.สภ.พบพระ ,ร้อยตำรวจเอก เผด็จ ชามั่ง หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ สภ.พบพระ เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู และอาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอพบพระ จังหวัดตาก นำกำลังไปดักซุ่มสกัดกั้นขบวนการนำพาขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ท้ายหมู่บ้านหมื่นฤาชัย หมู่ที่ 5 ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลังได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานเถื่อนจำนวนมากในช่วงเวลากลางวัน จนกระทั้งมีรถยนต์กระบะต้องสงสัย ขับตามกันมาจำนวน 3 คันตามที่สายลับรายงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจจึงได้แสดงตัวขอตรวจค้น โดยภายในรถกระบะพบแรงงานต่างด้าวแอบซุกซ่อนตัวนอนเรียงรายอยู่ในผ้าใบสีดำและภายในแคปรวมทั้งหมด 44 คน แยกเป็นชาย 34 คน และ หญิง 10 คน ชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ขับขี่ 3 คน ประกอบด้วย นายสมจิตร อายุ 27 ปี ,นายนพดล อายุ 43 ปี ,นายสุรชัย อายุ 25 ปี ทั้งหมดเป็นราษฎร์ตำบลศีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก
พร้อมทั้งทำการยึดรถยนต์กระบะ ตอนเดียวยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมกซ์ สีบรอนซ์เงิน ป้ายทะเบียน ตาก ,รถยนต์กระบะ ตอนเดียว ยี่ห้อโตโยต้า รุ่งไฮลักซ์รีโว่ สีบรอนซ์เทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเทียน และรถยนต์กระบะ ตอนเดียว ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็กซ์ สีบรอนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งเป็นรถของผู้ต้องหาใช้เป็นพาหนะขนส่งแรงงานผิดกฎหมาย ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าพวกตนทั้ง 3 คน ได้รับคำสั่งจากนายทุนให้ไปรับแรงงานต่างด้าวบริเวณริมแม่น้ำเมยติดชายแดนไทย-เมียนมา จากหมู่บ้านหมื่นฤาชัย ให้ไปส่งที่ กม.44 บ้านป่าคาในเขตพื้นที่ตำบลศีรีราษฎร์ แล้วจะมีรถมารับอีกทอดหนึ่ง โดยได้รับค่าจ้างหัวละ 800 บาท และได้ทำมาแล้ว 2 ครั้ง

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าแรงงานทั้งหมด ได้ลักลอบหนีภัยสงครามในประเทศเมียนมา และอีกส่วนหนึ่งกลัวที่จะถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารตามประกาศกฎหมายใหม่ของประเทศเมียนมา แรงงานทั้งหมดจึงพากันหลบหนีเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยต้องการที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพฯเพื่อหางานทำและมีค่าจ้างแรงงานที่สูง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตั้งข้อหาผู้นำพาข้อหาร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยการประการใดเพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายรอดพ้นจากการจับกุม และแจ้งข้อหาในส่วนคนต่างด้าวจำนวน 44 คนในความผิดฐาน เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งพนักงานสอบสวน สภ.พบพระ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เกษมสันต์ ไชยเดช ผู้สื่อข่าวจังหวัดตาก