เจ้าหน้าที่บุกจับหญิงวัย50ปีที่เปิดบัญชีม้าหลอกทำธุรกรรมการเงินฉ้อโกงชาวบ้านวงเงินความเสียหาย50ล้านบาทมี5หมายจับ อ้างไม่รู้เรื่องเปิดบัญชีให้เพื่อนสนิทสมัยประถมนำเงินไปหมุนเวียนบัญชีเพื่อกู้เงิน
วันนี้(22มี.ค.67)ตำรวจกองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ หรือบก.ปพ.ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.ศุภากร จันทาบุตร ผบก.ปพ.พ.ต.อ.เรืองรัตน์ หงษ์ทิพรัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.ปพ. ร่วมกับทีมช้างศึกสองเล ของตชด.434 จ.พัทลุง
นำหมายจับของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีและหมายจับของศาลจ.ภูเก็ต เข้าตรวจค้นและจับกุม น.ส.ตะวันนา ธาราวสันต์ หรือนา อายุ 50 ปี หลังจากสืบทราบว่ามาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 62/1หมู่1 ต.ควนรู อ.รัตภูมิ จ.สงขลา
โดยเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าสังเกตุการณ์อยู่บริเวณหน้าบ้านจนแน่ชัดว่า น.ส.ตะวันนา อยู่ในบ้านจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม โดยพบว่าหน้าบ้านมีกล้องวงจรปิดคอยเฝ้าดูความผิดปกติด้วย ทีแรก น.ส.ตะวันนา ยังไม่ยอมเปิดประตูแต่เมื่อเจ้าหน้าที่แสดงหมายจับให้ดูก็ต้องยอมจำนนและเปิดประตูให้แต่โดยดี
โดย น.ส.ตะวันนา เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงวันที่ 9 มี.ค.69 ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น
และเป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ลงวันที่ 22 ส.ค.65 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และความผิดเกี่ยวกับข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนแกะรอยจนทราบว่าหนีมากบดานอยู่ที่บ้านหลังนี้
โดยพฤติกรรมของ น.ส.ตะวันนา จะเป็นคนเปิดบัญชีม้าเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฏหมาย และหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนโดยเฉพาะระบบออนไลน์ เช่น หลอกขายสินค้าทางออนไลน์ โดยไม่มีสินค้าอยู่จริง หรือการทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบต่างๆผ่านระบบออนไลน์ที่หลอกหลวงให้ลูกค้าโอนเงิน
และจากการสอบถามน.ส.ตะวันนา อ้างว่าตนไม่เคยรู้เรื่องคดีที่ถูกออกหมายจับและไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง
แต่สาเหตุที่ถูกออกหมายจับเพราะไปเปิดบัญชีธนาคารให้กับเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่รู้จักกันตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษาและกินนอนด้วยกันจึงเชื่อใจ
โดยตอนนั้นเพื่อนคนนี้เปิดบริษัทร้านวัสดุก่อสร้างที่จ.สุราษฎร์ธานี และให้ตนเปิดบัญชีให้เพื่อนำไปหมุนเวียนเงินในบัญชีเพื่อจะทำการกู้เงินให้ได้วงเงินมากขึ้น และหลังจากนั้นเพื่อนคนนี้ก็ย้ายไปอยู่กรุงเทพฯและขาดการติดต่อไปจนถึงปัจจุบัน
และไม่เคยรู้มาก่อนว่าเพื่อนพาไปใช้ทำธุรกรรมทางการเงินที่ผิดกฏหมาย จนกระทั่งมาทราบตอนถูกออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกง และเคยถูกจับกุมครั้งแรกเมื่อปี 61 และพ้นโทษออกมาเมื่อปี 65 และตอนที่อยู่ในเรือนจำก็เคยพบกับอีกหลายคนที่ถูกจับในคดีเดียวกับตนและถูกเพื่อนคนนี้หลอกให้เปิดบัญชีม้าให้
และล่าสุดในวันนี้ก็เพิ่งทราบว่ายังมีหมายจับติดตัวอีก2หมายที่เจ้าหน้าที่ถูกเจ้าหน้าที่ตามมาจับกุม ที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยหลบหนีเพราะรู้ตัวดีว่าไม่เคยไปหลอกใคร
และจากการตรวจสอบประวัติของ น.ส.ตะวันนา พบว่าเคยมีหมายจับคดีฉ้อโกงถึง 5 หมาย เป็นหมายจับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือบก.ปอท. 2 หมาย ซึ่งจับแล้ว หมายจับของ สภ.อุดรธานี เป็นหมายที่จับแล้วเช่นกัน
และหมายจับที่เจ้าหน้าที่นำมาจับกุมอีก2 หมายจับ ของสภ.เมืองสุราษฎร์ธานี วงเงินเสียหาย 2,673,000 บาทและหมายจับของ สภ.เมืองภูเก็ต วงเงินเสียหาย 3,600,000 บาท
และหากรวมมูลค่าความเสียหายจากคดีฉ้อโกงประชาชนจากการเปิดบัญชีม้าทั้งหมดประมาณ 50 ล้านบาท โดยเฉพาะหมายจับของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี – บก.ปอท มูลค่ากว่า 46 ล้านบาท
หลังถูกจับกุมเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวส่งสภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อดำเนินคดีตามหมายจับ และจะสอบสวนขยายผลไปยังผู้ที่เป็นต้นตอตัวการใหญ่ของการเปิดบัญชีม้าเพื่อนำไปทำธุรกรรมผิดกฏหมายฉ้อโกงชาวบ้านในเครือข่ายนี้ต่อไปซึ่งเจ้าหน้าที่มีข้อมูลอยู่แล้วตามคำให้การของ น.ส.ตะวันนา
พี่เสือ นักข่าว สงข่าว