ข่าวพาดหัว

หลานสาวถึงกับช๊อกเมื่อมาพบพ่อเฒ่าวัย 84 ปี ดับสลดอยู่ภายในบ้านมากกว่า 20 วัน

วันที่ 29 มีนาคม 2567 เวลา 9.46 น.

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางคอแหลม รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพักอาศัยของตนเอง ภายในซอย สุขสวัสดิ์ 11 จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ จึงพบว่าเหตุเกิดอยู่ภายในบ้านเลขที่ 619 หมู่ 11 ถนน สุขสวัสดิ์ แขวง บางประกอก เขต ราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวมีรั้วรอบขอบชิดตั้งอยู่บนเนื้อที่ 72 ตารางวา ภายในพื้นที่ดังกล่าวมีบ้านเรือนปลูกรวมกันสามหลัง ใช้บ้านเลขที่เดียวกัน บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านหลังที่ 3 ลักษณะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ตรวจสอบแล้วพบประตูล๊อคจากด้านในบ้านเมื่ออาสาสมัครพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านก็ได้กลิ่นเหม็นสาบอย่างรุนแรงโชยออกมาจากภายในบ้านหลังดังกล่าวอาสาสมัครจึงปีนหน้าต่างข้างบ้านเพื่อทำการตรวจสอบทันที ต่อมาจึงพบกับร่างผู้เสียชีวิตอยู่ในลักษณะนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นข้างเตียงนอนส่วนศรีษะอยู่ใต้เตียงนอน สวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ ไม่สวมรองเท้า บนพื้นบ้านพบคลาบสารคัดหลั่งเต็มพื้นบ้านมีลักษณะเหนียวเหนอะหนะส่งกลิ่นเหม็นสาปอย่างรุนแรงไปทั่วบริเวณบ้าน สภาพศพดำคล้ำเนื้อเปื่อยยุ่ย คาดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 20 วัน เป็นชาย อายุ 84 ปี หาเลี้ยงชีพโดยการเพาะปลูกต้นไม้ขาย อยู่บ้านคนเดียวมาโดยตลอดไม่มีใครอยู่ด้วย

และจากการสอบถาม หลานสาว อายุ 60 ปี ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนมาหาประจำเพื่อเอาตังค์มาให้ แล้วปกติก็จะเป็นคนเอาตังค์มาให้เป็นประจำอยู่แล้ว แล้วเมื่อวานนี้ก็จะเอาตังค์มาให้แกทุกเดือนเหมือนเดิมแล้วทีนี้พอเอาตังค์มาให้แก แกก็เงียบตนก็คิดว่าสงสัยแกจะงอนเรามั้งที่ไม่มีใครสนใจแกเลยเพราะตนเคยคุยกับหมอแล้วหมอก็บอกกับตนว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนทีอายุวัยนี้เขาจะขี้งอนเป็นเรื่องธรรมดา ตนก็เลยกลับบ้านไปนอนเพราะเช้ามาเราต้องไปขายของด้วย พอเช้ามาก็มาเรียกแกอีกที ตนก็บอกว่า ลุงหนูจะไปขายของแล้วนะ แล้วทีนี้ ก็ได้กลิ่นโชยมา เตะจมูกทันที ธรรมดาให้ตังค์แกยังไงไปเรียกข้างหน้าแกก็ไม่เปิดต้องออกทางหน้าต่างแล้วก็มาให้แก พอได้กลิ่นก็ใจไม่ดีแล้วเพราะแกเคยพูดเอาไว้ว่า กูจะอยู่ ถึง 90 แล้วพี่น้องแกก็ค่อยๆออกไป แต่ตอนนี้อายุแกยังไม่ถึง 90 ตอนช่วงที่เขาประกาศออกว่าอย่าออกไปตากแดดแกก็ไม่ได้ออกไป ตอนเช้าแกจะปั่นจักรยานออกไปจากบ้านทุกวันเพื่อไปซื้อของ ใครซื้อให้ก็ไม่เอา เขาบอกว่าข้าต้องซื้อเอง พอซื้อเสร็จแกก็จะกลับมาช่วงประมาณ 10.00 น. แกเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไม่ยุ่งกับใคร แล้วใครมาให้อะไรแกก็ไม่เอา เขาจะบอกว่าถ้ามีตังค์ ก็เพราะว่าตนให้ตังค์แกไว้ทุกเดือนไง ปกติเขาจะเป็นคนที่เพาะปลูกต้นไม้ขาย แต่ต้นไม้ที่แกปลูก ก็จะขายได้ในราคาที่ไม่ได้เยอะอะไร พอได้ตังค์แกก็จะมาเก็บไว้ ส่วนมากแกทำก็เพื่อจะได้ออกกำลังกาย เพราะว่าตนให้ตังค์แกเดือนละ 5,000 บาทก็เพียงพอแล้ว สมัยก่อน แกเป็นคนเพาะต้นไม้เก่งเคยขายต้นไม้ได้เป็นแสนแล้วก็มีเพาะพันธุ์นกด้วย แกปลูกต้นไม้เก่ง เลี้ยงนกก็เก่ง ตนเจอกับผู้ตาย ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 เป็นวันที่ตนเอาตังค์มาให้ทั้งล่าสุด แล้วก็กลับไปขายของ แล้วพอมาวันนี้ก็เพื่อที่จะเอาเงินมาส่งให้แกเก็บไว้ใช้เพราะว่าวันสงกรานต์ตนจะไปเที่ยว ก็เลย นำมาให้ก่อน เพราะว่ากลัวแกงอน พอมาเมื่อวานเรียกหลายครั้งแกก็เงียบ แล้วก็ไม่ตอบ ก็เลยกลับบ้านไปนอนก่อน พอเช้ามาวันนี้ก็มาเรียก ก็เลยได้กินเลย ตนเองเป็นหลาน จะคอยเป็นคนดูแล เพราะว่า เขาอยู่คนเดียว หมอเขาก็บอกว่าคนแก่รุ่นนี้จะเป็นคนขี้งอน แล้วจะชอบพูดอะไรไม่ค่อยเข้าหูคน แต่จริงๆเขาพูดไปอย่างนั้นแหละ ในใจเขาไม่ได้คิดอะไรหรอก แล้วทีนี้หลานบางคนก็ไม่เข้าใจ ก็เลยทิ้งแกไป แกเคยป่วยเป็นโรคปอดแต่ก็รักษาหายแล้ว แกเคยอ้วกออกมาเป็นเลือด แล้วตนก็ห่วงแก ก็เลยเอาไปนอนไว้ บ้านหลังข้างหน้า พอตกกลางคืน ก็เอะใจ ว่าเขาหายไปไหน ผลปรากฏว่าแกเดินไม่ได้แกก็จะคลานมาเลือดก็จะไหลออกมาเป็นทางจนมาถึงหน้าบ้านของแก แล้วแกก็พูดว่า เขาจะตายที่นี่เขาไม่ไปตายที่อื่น เขารักบ้านของเขามาก สมัยก่อนก็จะอยู่รวมกันเยอะ แต่เดี๋ยวนี้ทุกคนก็ไปหมดแล้ว เพราะว่าไม่เข้าใจแก เพราะแก เป็นคนพูดอะไรไม่ค่อยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น แล้วคนอื่นก็ไม่เข้าใจแก ตนก็เคยถามหมอถึงเรื่องนี้หมอก็บอกว่าคนแก่รุ่นนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าเราไม่ถือก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าเราถือ มันก็จะเป็นผลร้ายกับตัวเขาเอง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์นิติเวชตรวจสอบร่างผู้เสียชีวิตแล้วไม่พบบาดแผลและร่องรอยจากการถูกทำร้ายร่างกาย แล้วภายในที่เกิดเหตุก็ไม่พบร่องรอยจากการถูกลื้อค้น แต่ยังงัยแล้วต้องนำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งที่นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช แล้วจะให้ญาตินำเอกสารมารับร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป