ข่าวพาดหัวร้องเรียน

คืบหน้า แม่พาลูกชายวัย 10 ปี ร้องสื่อหลังถูกเพื่อนรุ่นพี่ใช้เจลแอลกฮอล์ล้างมือราดก่อนจุดไฟเผา

คืบหน้า แม่พาลูกชายวัย 10 ปี ร้องสื่อหลังถูกเพื่อนรุ่นพี่ใช้เจลแอลกฮอล์ล้างมือราดก่อนจุดไฟเผา
หลวงพี่อั้ม เผย หลังเกิดเรื่องได้ติดต่อทางแม่น้องที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากสามารถติดต่อกันได้ทางแชทเฟสบุ๊คช่องทางเดียว
จากกรณี ที่ แม่พาลูกชายวัย 10 ปี ร้องสื่อหลังถูกเพื่อนรุ่นพี่ วัย 15 ปี ใช้เจลแอลกฮอล์ล้างมือราดก่อนจุดไฟเผาจนเป็นแผลฉกรรณ์ ผ่านมาเกือบเดือน คดียังไม่คืบแถมคู่กรณียังไม่มารับผิดชอบ ที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ( 31 มีนาคม 2567 ) ทางทีมข่าวได้เดินทางลงพื้นที่วัดที่เกิดเหตุ ตำบลบางด้วน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อสอบถามรายละเอียดถึงเหตุการณ์วันที่เกิดเหตุ กับ หลวงพี่อั้ม พระลูกวัดดังกล่าว ซึ่งอยู่ด้วยในวันที่เกิดเหตุ แต่ขณะที่เกิดเหตุนั้น หลวงพี่อั้น จำวัดอยู่ จึงไม่เห็นเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น มารู้อีกที่ไฟก็ลุกที่ตัวของ น้อง วัย 10 ปี แล้ว ซึ่งหลังเกิดเหตุได้ให้เด็กทั้ง 2 คน กลับบ้านพักไป เหลือแต่น้องที่ได้รับบาดเจ็บ และ พยามติดต่อทางแม่น้องที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากสามารถติดต่อกันได้ทางแชทเฟสบุ๊คช่องทางเดียว ส่วนประเด็นที่ทางแม่ของน้อง กล่าวว่า ตนเองเคยทำลักษณะนี้กับน้องนั้น เรื่องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ ซึ่งตนเองก็มีการพูดคุยและเยี่ยวยาไปแล้ว โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ล่าสุด ตนเองพึ่งกลับมาจากโรงพักหลังจากพนักงานสอบสวนเชิญตัวไปให้ปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้


โดยจากการสอบถาม หลวงพี่อั้น พระที่ทางแม่ผู้ได้รับบาดเจ็บพูดถึง ได้เล่าว่า วันที่เกิดเหตุเป็นวันที่ 3 มีนาคม 2567 ที่วัดมีงานประจำปี ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ปกติเด็ก ๆ ก็จะมาขอเงินหลวงพี่ไปเล่นเครื่องเล่นในงาน พอจบงานเด็ก ๆ ก็จะทำตัวเป็นจิตอาสาเขาก็จะมาช่วยเคลียงาน ช่วยทำความสะอาด หลังจากเคลียงานเสร็จ ตัวเด็กก็ขอหลวงพี่ขึ้นไปเล่นเกมส์ที่บนกุฏิ แปบเดียวเดี๋ยวก็กลับ หลวงพี่ก็เลยให้ขึ้นไป พอขึ้นไปเด็กก็กินข้าว พอกินเสร็จ ก็นั่งเล่นเกมส์ แล้วประมาณ ตี 1 ด้วยความที่ว่าทำงานมาทั้งวันจนเหนื่อย หลวงพี่ ก็เลยบอกเด็ก ถ้าเล่นกันเสร็จแล้วก็ฝากปิดไฟ ปิดทีวี และปิดประตูกุฏิให้ด้วย หลวงพี่ นอนก่อน ก่อนนอน หลวงพี่ ก็เห็น เด็กที่ชื่อ ลีโอ เล่นอยู่ ส่วนเด็กคนที่ชื่อ โม่ง จะอยู่ด้านล่างปลายเตียง ส่วนตัวน้องฟ้าง (เด็กที่ได้รับบาดเจ็บ) นั่งอยู่หัวเตียง เหมือนจะหลับ หลวงพี่ก็เห็นว่าเด็กเล่นกันอยู่ก็ไม่ได้คิดอะไร หลวงพี่ จึงนอนหันหลังให้เด็ก ๆ ก็ปล่อยให้เด็ก ๆ เล่นกันไป หลังจาก หลวงพี่ นอนไปได้ประมาณ 15 นาที ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวก เสียงเหมือนคนตบบางอย่าง จึงหันมาดูก็พบว่า ตัวน้องฟ้าง ยืนอยู่ มีไฟติดอยู่ที่ตัว หลวงพี่จึงรีบจับน้องฟ้าง ถอดเสื้อออก พอถอดเสื้อออกก็เห็นเป็นผื่นแดงจากแผลไฟไหม้ ที่ หน้าอก คอ และหน้า หลวงพี่จึงให้ ลีโอ ไปเอาว่านหางจระเข้ที่ข้างล่างกุฏิมา แล้วหลวงพี่ก็ทาให้น้องฟ้าง แล้วก็บอกให้เด็ก ๆ พา น้องฟ้าง กลับไปหาแม่ แต่ตัวของ น้องฟ้าง ไม่ยอมกลับ เพราะกลัวแม่ตี หลวงพี่ก็พยายามจะติดตามหาแม่น้องฟ้าง ก็ติดต่อไม่ได้ เหมือนเขาบล็อกแชทไว้ ซึ่งทางหลวงพี่มีช่องทางการติดต่อกับแม่น้องฟ้าง เพียงทางเดียว แล้วทีมันก็ดึกแล้วจะให้กลับมันก็ยังไงอยู่ จึงให้ น้องฟ้าง นอนพักด้วยที่กุฏิ ส่วนอีกสองคนซึ่งบ้านอยู่ข้างวัดก็ให้กลับกันไปก่อน พอมาอีกวัน หลวงพี่ ก็ไม่เห็นมีใครมา หลวงพี่ ก็เลยหาข้าว หายา มาให้ น้องฟ้าง กิน และหายามาทาที่แผลให้ พอตกเย็น พี่ชาย ของน้องฟ้าง ก็มาหาที่กุฏิ ก็เจอกับ น้องฟ้าง ก็ได้คุยกัน ก่อนที่เขาจะพากันกลับไป พร้อมโทรบอกให้แม่แจ้งความ พี่ชายน้องฟ้าง และน้องฟ้าง ก็พากันกลับบ้านไป แล้วก็พากันไปแจ้งความ


ส่วนตรงที่ทางแม่น้องฟ้าง ได้ถามหลวงพี่ว่า ทำไมเกิดเหตุแล้วไม่โทรติดต่อไปหาแม่น้องฟ้าง หลวงพี่ ของตอบว่ามันติดต่อไปไม่ได้ หลวงพี่ กับ แม่น้องฟ้าง จะติดต่อกันได้ทางเดียว คือทางเฟตบุ๊ค แต่ที่นี้คือว่าเฟตบุ๊คของแม่น้องฟ้าง น่าจะบล็อก
หลังจากวันนั้นที่เกิดเหตุ ทางผู้ปกครองเด็กที่ก่อเหตุ หลวงพี่ ก็ไม่ได้เจอเด็กที่ก่อเหตุ เลย ที่เจอก็มีเพียงตัว แม่น้องฟ้าง ที่จะคอยมาถามมาบอก ว่าจะแจ้งความกับตำรวจแล้วนะ หลวงพี่ ไปให้ปากคำด้วยนะ พอ หลวงพี่ ถามถึงข่าวคราวไปถึงไหนแล้ว เขาก็เงียบไม่มีการตอบรับ จนเขานัดรอบแรก หลวงพี่ ก็ไปก็ไม่พบใครเลย ตำรวจเขาก็บอกอยู่ว่านัดแล้วไม่มากัน จนมาวันนี้มีข่าวออก ล่าสุดพึ่งไปให้ปากคำมา ทางร้อยเวณเขาก็อธิบายให้ฟังว่าคือเขาไม่ได้หายไม่ได้อะไร แต่คือแม่น้องฟ้าง แจ้งความ ให้การวันผิดหมดเลย วันที่ไปแจ้งก็ผิดวันที่เกิดเหตุก็ผิด วันที่ออกจากโรงพยาบาลก็ผิด ทีนี้เขาก็เลยตกลงกันไม่ได้ว่า ใครเป็นคนรับเรื่องในวันนั้น โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อประมาณ ตี 1 ของวันที่ 4 มีนาคม 2567 ซึ่งตอนนั้น หลวงพี่ นอนแล้ว ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ คือรู้อีกทีก็เห็นไฟติดที่เสื้อน้องฟ้างแล้ว หลวงพี่ ก็ทำได้แค่ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ถ้าถามว่าทำไมไม่พาไปหาหมอ ตอนนั้น หลวงพี่ ก็ไม่รู้จะหันไปหาใคร ตอนนั้นมัน ตี 1 ด้วย แล้วอีกอย่างคือเขาห้ามเด็กขึ้นกุฏิอยู่แล้วด้วย หลวงพี่ ก็ไม่รู้จะหันไปหาใคร หลวงพี่ เห็นว่าพี่มันแค่แดง ๆ ก็เลยช่วยทายาทาอะไรไปก่อน จนมาอีกวันแม่เด็กเขามา
ส่วนเรื่องที่เด็ก 2 คนนี้ ได้มีการแกล้งน้องฟ้าง มาตลอด ทาง หลวงพี่ ไม่ทราบ แต่ตามที่ชาวบ้านเขาบอกกันมา เพราะช่วงหลัง ๆ เด็ก ๆ เขาไม่ได้อยู่ด้วยกันกับ หลวงพี่ เนื่องจากว่ามันมีเหตุลักขโมยบ้างอะไรบ้าง ทางวัดก็เลยไม่ให้ยุ่งกับเด็ก และก็ไม่ให้เด็กขึ้นไปบนกุฏิ แต่ในวันนั้น หลวงพี่ กะว่าแค่แปบเดียวก็คงไม่เป็นไร ก็เลยให้ขึ้นไปเล่นพักนึง แล้วก็มาเกิดเรื่อง
ส่วนเรื่องที่แม่น้องฟ้าง กล่าวอ้างว่า น้องฟ้าง เคยโดน หลวงพี่ ทำแบบนี้มาแล้วนั้น เหตุการณ์นั้นมันนานมาแล้วตั้งแต่ปีที่แล้วมั่ง ก็ได้คุยกันไปแล้ว เคลียกันไปแล้ว เพราะว่ามันเป็นอุบัติเหตุ คือ หลวงพี่ ไม่ตั้งใจ แล้วก็ หลวงพี่ ก็แสดงความรับผิดชอบไปแล้ว ซึ่งตัว แม่น้องฟ้าง ก็โอเค ก็เคลียจบไปแล้ว ก็คือตอนนั้น หลวงพี่ ก็ดูแลทั้งตัวเด็กทั้ง 3 คน ก็มีให้ค่าขนม ไปโรงเรียน ตอนนั้นเด็กนอนอยู่กับ หลวงพี่ อยู่แล้ว ก็คือครั้งมันเป็นอุบัติเหตุ ทาง หลวงพี่ ก็มีการดูแลรักษา เยียวยา ไปหมดแล้ว ช่วงนั้นเด็กยังอยู่กับ หลวงพี่ เพราะตัวพี่ของน้องฟ้าง เขาบวชเณร อยู่ที่วัด แล้วตัวน้องฟ้าง เขาก็มาด้วย ก็มาอยู่เล่นกับ หลวงพี่ ก็เลยให้นอนด้วย
จากการสอบถาม ชาวบ้าน เล่าว่า เท่าที่ตนเคยเห็นเด็กชุดนี้จะเล่นอยู่ด้วยกัน ก็อาจจะมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างตามประสาเด็ก ตนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและคิดว่าเด็กเล่นกันรุนแรงมาก โดยปกติเวลาเด็กเล่นกันก็จะมีทะเลาะกันบ้างตามประสาเด็ก แต่มีบางครั้งก็ต้องปราม เด็กทั้งสองคนถ้าคนที่ไม่รู้จักมองจะมองว่าก้าวร้าว เพราะพูดจาไม่มีหางเสียง ไม่มีสัมมาคารวะ ตนไม่แน่ใจว่าเด็กอายุ 15 เรียนหนังสือหรือไม่เพราะเท่าที่เห็นเวลาตนมาช่วยงานที่วัดก็จะเห็นเขาเล่นกัน ตนแค่จะคอยมอง เวลาเขาเล่นกันเสียงดังเกินตนก็จะคอยดุ และ ให้เด็กไปเล่นที่อื่นเด็กก็จะฟัง วันที่เกิดเหตุที่วัดจะมีงานประจำปีวันสุดท้าย ตนได้มาขายของที่วัดและก่อนจะกลับ ต้นก็จะช่วยงานที่วัดก่อนและเด็กกลุ่มนี้ก็จะมาช่วย โดยจะมีพระที่วัดนำทีมมาเด็กกลุ่มนี้ก็จะมาช่วยเก็บขยะที่วัด แล้วหลังจากนั้นตนก็ไม่รู้มารู้อีกทีตอนที่เป็นข่าววันนี้ ตนจึงได้เดินทางมาที่วัดเพื่อมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ตนได้ถามพระว่าทำไมเกิดเหตุการณ์แบบนี้ถึงไม่บอกให้รู้จะได้ช่วยกัน พาเด็กไปส่งบ้านให้ คือโดยปกติที่ตนมาที่วัดจะเห็นเด็กทุกครั้ง คือก่อนหน้านี้เด็กจะนอนกับหลวงพี่น้องจะมีพี่น้องสามคน หลังจากนี้เท่าที่ตนได้คุยกับหลวงพ่อ เพราะหลวงพ่อก็เพิ่งจะทราบข่าวเหมือนกัน หลวงพ่อบอกว่าจะหยุดรับเด็กวัดเข้ามา เพราะก่อนหน้านี้หลวงพ่อและหลวงพี่สงสารเด็กไม่มีข้าวกินจึงได้รับมา หลังจากนี้ก็จะตัดก่อนเพื่อป้องกันเหตุ ถึงจะเป็นที่ปลายเหตุก็ต้องทำหลังจากนี้จะคัดเด็กที่จะมาเป็นเด็กวัด
************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ