รถตู้หลบรถกระบะถอยหลังไปกินเลนอีกฝั่ง เจอมอไซค์หัวร้อนขี่ตามใช้หมวกกันน็อคฟาดกระจกแตก
จากกรณีที่ ผู้ใช้เฟสบุ๊ค นามว่า เมธี หลิมเล็ก ได้โพสต์ข้อความ ว่า ขออนุญาตนะครับ เหตุเกิดในซอยขจรวิทย์ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 เวลา16.40 น คนขับขี่เป็น ชาย อายุประมาณ 30 กว่า แล้วมีผู้หญิงนั่งซ้อนท้ายมา ยานพาหนะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ สีเทา ไม่ติดแผ่นท้ายทะเบียน ขี่ไล่ตามรถแล้วเอาหมวกกันน็อคปากระจกรถผมแตก แล้วก็หนีไปยังซอยมังกร เส้นถนนเทพารักษ์ บุคคลใดพบเห็นหรือแจ้งบอกกระแสนำไปสู่จับคนร้ายได้มีรางวัลให้ 5,000 บาท ครับผม ตอนนี้ผมได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว แต่ถ้าผู้ก่อเหตุมีความประสงค์ที่จะรับผิดชอบก็ขอให้ทักผมมา มาเคลียร์มาขอโทษให้จบและผมจะไม่ดำเนินคดีครับ โดยผู้โพสต์ยังได้ลงรูปภาพของ รถจักรยานยนต์คันหนึ่ง ซึ่งมี ผู้ขับขี่ และ คนซ้อนท้าย ซึ่งเบื้องต้นทาง ผู้เสียหาย ได้เดินทางไปร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ ไว้เป็นหลักฐานแล้ว เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 3 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปที่เจ้าของโพสต์ดังกล่าว ซึ่งก็คือ นายเมธี หลิมเล็ก อายุ 48 ปี ได้ออกมาให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวพร้อมพาไปดู รถตู้ ยี่ห้อ โตโยต้า ทะเบียน นค 4228 พระนครศรีอยุธยา ที่กระจกข้างประตูห้องโดยสารแตก (กระจกแคป) ได้รับความเสียหาย ก่อนจะพาไปดูจุดเกิดเหตุ โดย จุดแรก ซึ่งเป็นจุดเริ่มเรื่องทั้งหมด ภายในซอยขจรวิทย์ และ จุดที่ สอง ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์เข้าประกบก่อนใช้หมวกกันน็อคตีเข้าที่กระจกด้านข้างของรถตู้จนแตกได้รับความเสียหาย 1 บาน บริเวณ ถนนเทพารักษ์ หลักกิโลเมตรที่ 8 ทิศทางมุ่งหน้าสำโรง ตำบลเทพารักษ์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โดยเหตุการณ์ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 29 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา
โดยจากภาพวงจรปิดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงจุดเริ่มเหตุ ภายในซอยขจรวิทย์ สามารถจับภาพ ขณะที่รถกระบะกำลังถอยหลังออกจากร้านโรงน้ำแข็ง และจอดรถขวางเพื่อรับคนขึ้นรถ ซึ่งเป็นจังหวะที่ รถตู้ ของผู้เสียหายขับมาพอดี จึงได้ขับรถตู้เบี่ยงหลบไปอีกเลนหนึ่ง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผู้ก่อเหตุซึ่งขี่รถจักรยานยนต์มากันสองคนมาพอดีจนต้องเบี่ยงไปข้างทางเกือบเบียดกัน ผู้ก่อเหตุได้จอดรถก่อนที่จะกลับรถขี่ตามผู้เสียหายไป
จากการสอบถาม นายเมธี หลิมเล็ก เล่าว่า ตนขับรถมุ่งหน้าออกจากซอยขจรวิทย์เพราะจะรีบไปรับพนักงาน ในระหว่างนั้นในเลนของตนมีรถกำลังถอยออกมาจากร้านข้างทาง ตนเลยขับเบี่ยงเพื่อที่จะขับผ่านไป แต่ในระหว่างนั้นมีรถจักรยานยนต์สวนเลนมาจากอีกฝั่งเพื่อที่จะเข้าไปภายในซอยตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะรถด้านหลังก็ขับจี้มา ก็เลยมีการเบียดเลนของอีกฝ่าย จนรถจักรยานยนต์บีบแตรใส่ตน ตอนนั้นตนรู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ พอขับไปสักพักแล้วมองกระจกหลังก็เห็นรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวขับตามรถตนมา จนตนขับออกมาบนเส้นทางของถนนเทพารักษ์อีกฝ่ายก็ขับตามมาและตีคู่ขึ้นมาด้านข้างของรถ ก่อนที่คนขับรถจักรยานยนต์จะตะโกนบางอย่างใส่ตนแต่ตนก็ได้ยินไม่ชัด หลังจากนั้น อีกฝ่ายก็ได้ปาหมวกกันน็อคกระจกบานข้างรถตู้ (กระจกแคป) จนแตก ตอนแรกตนคิดว่าเขาอาจจะใช้รองเท้าปาเลยไม่ได้คิดติดใจอะไร แต่พอจอดรถลงดูว่ามีความเสียหายอะไรบ้าง จึงได้เห็นว่ากระจกรถตัวเองแตก จึงคิดว่าไม่ได้แล้วคงต้องเป็นคดีความกัน ตนจึงขับรถย้อนกลับไปตรงที่เกิดเหตุใหม่ เพื่อที่จะดูว่าหมวกกันน็อคที่อีกฝ่ายใช้ปาเพื่อที่จะใช้เป็นหลักฐานแต่กลับไม่มีแล้ว หลังจากนั้นพอตนไปรับพนักงานเสร็จ ก็ได้รีบไปแจ้งความที่โรงพักสำโรงเหนือ / ตนฝากถึงผู้ก่อเหตุว่า ถ้าหากอีกฝ่ายสำนึกได้ก็ให้กลับมารับผิดชอบค่าเสียหาย ตนก็ถือว่าอาจจะเป็นเพราะอาการช่วงนี้มันร้อน ก็ให้มาขอโทษกัน มาจ่ายค่าเสียหายแค่นี้ก็พอแล้ว เพราะคนไทยมันให้อภัยกันได้
ด้าน นายศรีสวัสดิ์ อาหาสิเม อายุ 36 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตอนนั้น มีรถจากร้านน้ำแข็งข้างทางกำลังถอยออกมา ทางฝ่ายรถของผู้เสียหายก็ขับมาในเลนนั้นพอดี ก็ไม่รู้จะหลบอย่างไร จึงขับเบี่ยงไปอีกเลน พอฝ่ายของรถมอเตอร์ไซต์ขับมาจึงเหมือนมีการหลบรถของผู้เสียหายอย่างกะทันหัน ลักษณะของคนขับรถมอเตอร์ไซค์จะรูปร่างใหญ่หน่อย ท่าทางใจร้อนก็เลี้ยวรถขับตามรถของผู้เสียหายออกไปเลย ถึงแม่ผู้หญิงที่นั่งซ้อนท้ายมาด้วยจะเอ่ยห้ามอีกฝ่ายแล้วแต่ก็เหมือนจะไม่ฟัง
******************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ