ข่าวทั่วไป

นนทบุรี – เจ้าของสวนทุเรียนนนท์กุมขมับ อากาศร้อนผลผลิตเหลือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ ทำราคาพุ่งปรี๊ด

นนทบุรี – เจ้าของสวนทุเรียนนนท์กุมขมับ อากาศร้อนผลผลิตเหลือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ ทำราคาพุ่งปรี๊ด

ผลกระทบจากสถานการณ์ที่อุณหภูมิความร้อนปกคลุมไปทั้งประเทศ ส่งผลให้ทุเรียนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ ได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน จากสภาพอากาศที่ร้อนไวและร้อนนาน ส่งผลทำให้เกสรของต้นทุเรียนนนท์ติดลูกเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบจากผลผลิตของปีที่แล้ว จึงทำให้ราคาทุเรียนนนท์ในปีนี้ราคาพุ่งสูงอีกหลายเท่าตัวอย่างแน่นอน เนื่องจากยอดคนจองกับผลผลิตที่ออกมาไม่พอขาย

เกี่ยวกับเรื่องนี้นายสำเริง สุนทรแสง เจ้าของสวนทุเรียนยายละมัย/ประธานชมรมอนุรักษ์และฟื้นฟูทุเรียนนนท์ อำเภอเมืองนนทบุรี เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ตนเองทำอาชีพชาวสวนทุเรียนนนท์มา 20 ปี ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่วิกฤติของทุเรียนนนท์ก็ว่าได้ จากสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนไวขึ้น ทำให้ชาวสวนทุเรียนได้ผลกระทบเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้นทุเรียนไม่ติดดอกหรือติดดอกแล้วแต่หลุดร่วงง่าย แม้ว่าชาวสวนทุเรียนจะมีการดูแลบำรุงเหมือนปกติก็ตาม แต่ปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งส่งผลกระทบตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา อากาศหนาวมาน้อยเพียงวันสองวันเท่านั้นก็หมดหนาวแล้ว และก็เข้าสู่หน้าร้อนทันที เป็นหน้าร้อนที่มาไว ทำให้ต้นทุเรียนนนท์ติดผลน้อยมาก ซึ่งสถานการณ์แบบนี้จะทำให้ราคาทุเรียนนนท์ในปีนี้พุ่งสูงขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวโดยเฉพาะทุเรียนนนท์พันธุ์ก้านยาวกับหมอนทอง เนื่องจากผลผลิตแต่ละสวนที่ตนได้สำรวจมาออกผลเพียงประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับผลผลิตของปีที่แล้ว โดยสวนของตนเองผลผลิตทุเรียนนนท์เคยออกมาเมื่อปีที่แล้ว 1,500 ลูก มาปีนี้เหลือเพียง 150 ลูกเท่านั้น

 

นายสำเริง กล่าวอีกว่า ปีก่อนสวนของตนผลผลิตออกมาประมาณ 1,500 ลูก ได้พันธุ์ก้านยาวมาประมาณ 50 ลูก แต่มาในปีนี้พันธุ์ก้านยาวมีไม่ถึง 10 ลูก พวงมณีปีที่ผ่านมามีประมาณ 600-700 ลูก ปีนี้เหลือไม่ถึง 20 ลูก หมอนทองปีนี้ก็ได้ประมาณไม่ถึง 100 ลูก ถือเป็นปีที่ผลผลิตออกมาน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งถ้าปริมาณผลผลิตมีน้อยมากก็จะทำให้ราคาทุเรียนนนท์ในปีนี้แพงสูงขึ้นไปตามความต้องการของตลาดอย่างแน่นอน ต้องถือว่าในปีนี้ใครได้กินทุเรียนนนท์ถือว่าโชคดีมากๆ เพราะขนาดสวนของตนเองมีคนจองไว้ตั้งแต่ยังไม่ออกลูก แต่เมื่อผลผลิตออกมาน้อยมากแบบนี้ ก็คงต้องเฉลี่ยแบ่งขายกันไป ได้คนละไม่กี่ลูกเท่านั้น

โดยปกติแล้วทุเรียนนนท์จะชอบสภาพอากาศที่มีความชื้นกับร่มเงา และสลับแดดจัดๆในบางครั้ง แต่จากอุณหภูมิความร้อนที่มาไวและนานขึ้น ทำให้ต้นทุเรียนนนท์ไม่ออกดอกและไม่ติดลูกแบบที่เคยเป็น และจากสภาพอุณหภูมิแบบนี้ยังส่งผลกระทบไปถึงผลไม้ของจังหวัดนนทบุรีชนิดต่าง ๆ อีกด้วย เช่น มะม่วงยายกล่ำ กะท้อนบางกร่าง รวมทั้งมะปรางกับมังคุดอีกด้วย และจากวิกฤติที่เกิดขึ้นอาจจะส่งผลกระทบไปถึงชาวสวนทุเรียนนนท์ที่ตั้งใจลงทุนทำสวนทุเรียนนนท์เพื่อหวังจะได้ผลผลิตออกมาขายให้คุ้มค่ากับที่ลงทุนทำสวนมาทั้งปี แต่เมื่อผลผลิตออกมาเพียงเล็กน้อยแบบนี้ อาจทำให้ชาวสวนทุเรียนนนท์บางรายเกิดความเหนื่อยล้าและท้อถอยที่จะทำสวนทุเรียนนนท์ต่อไปจนถึงขั้นขายสวนทุเรียนไปเป็นหมู่บ้านจัดสรรโดยไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการทำสวนต่อไป ซึ่งชาวสวนทุเรียนนนท์ในตอนนี้ก็จะให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และคาดหวังว่าหากผลผลิตในปีนี้ออกน้อยก็ถือว่าเป็นการพักต้นไป และในปีหน้าผลผลิตทุเรียนนนท์จะกลับมาออกผลผลิตได้เต็มที่เหมือนเดิม

 

ทางด้านพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ก็กล่าวถึงสถานการณ์ผลผลิตทุเรียนนนท์ของวัดสวนแก้วที่มีปลูกไว้เช่นกันว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปรากฏการณ์แบบนี้มาก่อน ซึ่งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ผลผลิตทุเรียนนนท์ของวัดสวนแก้วเหลือเพียงประมาณ 10-15% เท่านั้น ส่วนอีก 80-90% ที่หายไปเพราะต้นทุเรียนไม่ติดผล เนื่องจากอากาศที่ร้อนเร็ว อากาศหนาวเพียงสั้นๆ ไม่กี่วันก็เปลี่ยนมาเป็นอากาศร้อน ซึ่งต้นทุเรียนต้องการอากาศหนาวที่นานกว่านี้ประมาณสักครึ่งเดือนเพื่อให้ต้นออกเกสร ตอนนี้ภายในสวนของทางวัดนับทุเรียนที่ติดลูกได้เพียงประมาณ 20 ลูกเท่านั้น จากปีก่อนที่ได้ผลผลิต 200-300 ร้อยลูกต่อฤดูกาล ซึ่งเป็นการหายไปเกินกว่าครึ่งของครึ่งมาก แล้วแบบนี้ราคาทุเรียนนนท์ในปีนี้ราคาจะพุ่งไปแตะหมื่นอย่างแน่นอนโดยเฉพาะพันธุ์ก้านยาว ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ได้รับผลกระทบเหมือนกันทุกสวนก็คือธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นใครหาทุเรียนนนท์มากินได้ในปีนี้ ต้องถือว่าเป็นวาสนาปากสูงมากสาโรจน์ สว่างศรี / นนทบุรี